“เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี” พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 19 ธ.ค.นี้ มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับที่ดี หลังความต้องการจองซื้อหุ้น IPO ในราคา 0.65 บาทล้น ด้านผู้บริหาร PSTC ชูวิสัยทัศน์ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าและพลังงานของประเทศแบบครบวงจรของไทย ดันผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ บล.โนมูระ พัฒนสิน ที่ปรึกษาทางเงิน ชี้บริษัทฯ มีความพร้อม และศักยภาพรุกธุรกิจพลังงานทดแทนได้เต็มที่
นายพระนาย กังวาลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี หรือ PSTC ผู้ออกแบบ จำหน่าย และติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าและตรวจวัดจัดการสภาพแวดล้อม รวมถึงผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่ครอบคลุมทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานชีวมวล และพลังงานขยะ เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกในวันที่ 19 ธันวาคม 2557 โดยใช้ชื่อย่อการซื้อขายว่า ‘PSTC’ หลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 450 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.10 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 0.65 บาท ระหว่างวันที่ 9 และ 11-12 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมั่นใจว่า หลังหุ้น PSTC เข้าทำการซื้อขายในตลาดฯ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน
สำหรับ บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี หรือ PSTC เป็นผู้ออกแบบ จำหน่าย และติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้า และตรวจวัดจัดการสภาพแวดล้อมที่มีคุณภาพสูง สำหรับระบบสื่อสารโทรคมนาคมให้แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ทั้งระบบสำรองไฟฟ้า ระบบตรวจวัด และจัดการสภาพแวดล้อม ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และระบบประหยัดพลังงาน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนซึ่งครอบคลุมทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล และพลังงานขยะ เพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ตามสัญญาซื้อขาย ซึ่งเป็นการลงทุนผ่านบริษัทฯ ย่อยทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ บริษัท กันหา โซล่าพาวเวอร์ จำกัด, บริษัท วินด์โกกรีน จำกัด, บริษัท โซล่าร์โกกรีน จำกัด, บริษัท ไบโอโกกรีน จำกัด, บริษัท เพาเวอร์ วี กรีน จำกัด และบริษัท พีเอสที (อุบลราชธานี) จำกัด และผ่านการลงทุนในบริษัท พีวี กรีน จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 19.99 ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้วอีกด้วย
“เรามีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการระบบไฟฟ้า และพลังงานของประเทศแบบครบวงจร ซึ่งได้ให้บริการตั้งแต่การให้คำปรึกษา การออกแบบ จัดหาผลิตภัณฑ์ รวมถึงการลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล และพลังงานขยะ โดยบริษัทฯ ยังมีแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าจาก
พลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งในส่วนของการลงทุนเอง และการให้บริการวิศวกรรม จัดหา และรับก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน หรือ EPC เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าภายในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกด้วย” นายพระนาย กล่าว
ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะนำไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 990 กิโลวัตต์ 1 โครงการ จำนวน 33.33 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจต่อไป
นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ PSTC กล่าวว่า PSTC มีศักยภาพและความพร้อมก้าวสู่ผู้นำด้านการบริหารจัดการระบบไฟฟ้า และพลังงานของประเทศ รวมถึงการลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนแบบครบวงจร เนื่องจากบริษัทฯ มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ตลอดจนแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายที่ได้วางไว้ และผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป
โดยปัจจุบัน PSTC มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 3 แห่ง 4 โครงการ ซึ่งสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวงแล้ว ประกอบด้วย โรงงานพลังงานแสงอาทิตย์ จังหวัดอุดรธานี 2 โครงการๆ ละ 998 กิโลวัตต์ รวม 1.996 เมกะวัตต์ กิโลวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา ขนาด 987.84 กิโลวัตต์ ที่จังหวัดสมุทรสงคราม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาขนาด 980 กิโลวัตต์ จังหวัดนนทบุรี
นอกจากนี้ บริษัท ไบโอโกกรีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PSTC ยังได้ทำการยื่นแบบคำขอจำหน่ายไฟฟ้า และการเชื่อมโยงไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาแบบคำขอโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน จำนวน 8 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานชีวมวล จำนวน 7 โครงการ กำลังผลิตโครงการละ 990 กิโลวัตต์ รวมกำลังผลิต 6.93 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันได้รับการแจ้งผลการพิจารณาอนุมัติการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจาก กฟภ. แล้ว 1 โครงการ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะ ในรูปแบบพลังงานความร้อนอีก 1 โครงการ ขนาด 8 MW โดยได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์แล้วเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ส่วนโครงการที่บริษัทฯ ได้เข้าไปร่วมถือหุ้นในบริษัทพีวี กรีน จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาขนาด 987.84 กิโลวัตต์ ในสัดส่วนร้อยละ 19.99 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด 18 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในสิ้นปีนี้