xs
xsm
sm
md
lg

“เบเนคอล” พัฒนาโฉมใหม่ดันยอดขายเพิ่ม 2.5 เท่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“โอลาวี เออคินฮุนติ” (กลาง) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค บริษัท ไรซิโอ จำกัด (มหาชน) ประเทศฟินแลนด์ และ “สุรัตน์ เกตุรัตนกุล” (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เพนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหารทั้ง 2 ฝ่าย
“เบเนคอล” แก้เกมตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ปี 57 ซบลง 13% เพราะพิษการเมือง เศรษฐกิจ ชิงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบ UHT เป็นแห่งแรกของโลก ลดข้อจำกัดด้านอุณหภูมิและระยะเวลาการเก็บรักษา หนุนการกระจายสินค้าได้ระยะทางไกลมากขึ้น ทุ่มงบ 30 ล้านบาทกระตุ้นตลาดช่วง 6 เดือนแรก หวังยอดขายปี 58 เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าจาก 100 ล้านบาทในปี 57

นายโอลาวี เออคินฮุนติ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ไรซิโอ จำกัด (มหาชน) ประเทศฟินแลนด์ เจ้าของลิขสิทธิ์ “แพลนท์ สตานอล เอสเทอร์” (Plant Stanol Ester) ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ “เบเนคอล” (Benecol) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ “เบเนคอล” ถือเป็น 1 ใน 10 ของสุดยอดการค้นพบทางด้านโภขนาการที่สำคัญในรอบ 30 ปีของโลกที่มีคุณสมบัติสูงสุดในการลดคอเลสเตอรอล โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ชื่อ “เบเนคอล” มากกว่า 120 ชนิดเพื่อจำหน่ายกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ล่าสุดเมื่อปี 2556 บริษัทฯ มียอดขายทั้งสิ้น 558 ล้านยูโร โดยมีสัดส่วนรายได้หลักจากต่างประเทศสูงถึง 95%

บริษัทฯ เริ่มทำตลาดในประเทศฟินแลนด์และประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรปมาตั้งแต่ปี 2538 จากนั้นจึงขยายไปยังทวีปอเมริกาใต้ และเข้าสู่ทวีปเอเชียเมื่อปี 2552 โดยเริ่มที่ประเทศไทย และอินโดนีเซีย ตามด้วยฮ่องกงเมื่อปี 2556 และฟิลิปปินส์เมื่อเร็วๆ นี้ โดยคาดว่าในปี 2558 จะขยายไปยังประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยเปิดโอกาสให้แต่ละประเทศสามารถพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์โดยใช้ส่วนผสมของ “แพลนท์ สตานอล เอสเทอร์” ได้ตามความเหมาะสมเพื่อให้ตรงความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละท้องถิ่น

นายโอลาวี เออคินฮุนติ กล่าวด้วยว่า สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ “แพลนท์ สตานอล” ในภูมิภาคเอเชีย แม้จะยังคงสัดส่วนรายได้น้อยกว่าภูมิภาคอื่นเนื่องจากเพิ่งเข้ามาทำตลาดได้เพียงไม่กี่ประเทศในเวลาเพียง 5 ปี แต่ถือว่ามีอัตราการเติบโตสูงกว่าทุกภูมิภาค เนื่องจากชาวเอเชียเริ่มมีผู้สูงวัยมากขึ้น ประกอบกับเริ่มมีรายได้สูงจึงใส่ใจในสุขภาพมากขึ้นและมีความต้องการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเป็นการป้องกันมากกว่าการรักษา

“บริษัทฯ ให้ความสำคัญประเทศไทยอย่างมากในฐานะที่มีอัตราการเติบโตสูง จึงมีแผนสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมทางการแพทย์ของภูมิภาคเอเชียในปี 2558 ซึ่งบริษัทฯ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และแนวทางการตลาดทั่วโลก เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนต่อไปในอนาคตอันใกล้” นายโอลาวี เออคินฮุนติ กล่าวในที่สุด

ทางด้าน นายสุรัตน์ เกตุรัตนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เพนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “ฮาร์ทติ เบเนคอล” (Hearti Benecol) กล่าวว่า บริษัทเริ่มจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “ฮาร์ทติ เบเนคอล” เมื่อปี 2552 ในรูปแบบน้ำผลไม้พาสเจอไรซ์ จนกระทั่งเมื่อปี 2555 ได้พัฒนาในรูปแบบกาแฟสำเร็จรูปชนิดผง และเครื่องดื่มธัญญาหารสำเร็จรูป ซึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาคอเลสเตอรอลสูงเป็นอย่างดี โดยสามารถจำหน่ายได้ถึง 30 ล้านโดสภายใน 5 ปี

“ล่าสุดเราได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เบเนคอลในรูปแบบ UHT รสทับทิมและสตรอว์เบอร์รี ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่แห่งแรกของโลกที่มีจุดเด่นมากในเรื่องของการเก็บรักษาได้นานถึง 8 เดือนโดยไม่ต้องรักษาอุณหภูมิ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ชนิดพาสเจอไรซ์ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส จึงทำให้สามารถขนส่งและกระจายสินค้าไปยังสถานที่ห่างไกลได้มากขึ้น โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์เบเนคอลในรูปแบบ UHT จะสามารถเพิ่มยอดขายในปี 2558 ได้อย่างน้อย 2.5 เท่าจากที่คาดว่าจะสามารถทำได้กว่า 100 ล้านบาทในปี 2557”

ในเบื้องต้น บริษัทฯ ใช้งบประมาณ 30 ล้านบาทในการทำตลาดช่วง 6 เดือน (พ.ย. 57-พ.ค. 58) โดยจะเริ่มเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณาชุดแรกโดยมี “ปัญญา นิรันดร์กุล” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ตั้งแต่เดือน พ.ย. 57 เป็นต้นไป ก่อนที่จะเผยแพร่ชุดที่ 2 ในช่วงต้นปี 2558 พร้อมกับจัดกิจกรรมโรดโชว์ไปยังโรงพยาบาล สำนักงาน และห้างสรรพสินค้า ตลอดจนใช้สื่อออนไลน์ ทั้งไลน์และเฟซบุ๊ก

สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักจะเน้นผู้มีอายุ 35 ปีขึ้นไปที่รักสุขภาพ มีการศึกษาดี มีรายได้และฐานะทางสังคมดี พักอาศัยในตัวเมือง ขณะที่กลุ่มเป้าหมายรองคือผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ผู้มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรค และผู้มีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอลสูง

นายสุรัตน์กล่าวด้วยว่า ผลิตภัณฑ์ “เบเนคอล” จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือฟังก์ชันนัลดริงก์แบบช็อตซึ่งมีมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท แบ่งเป็นสินค้ากลุ่มความงาม 63% กลุ่มวิตามินและอื่นๆ 20% และกลุ่มบำรุงสมองและหัวใจ 17% ซึ่งปกติแล้วตลาดจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 15% แต่คาดว่าในปี 2557 จะติดลบถึง 13% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556

“ในช่วงที่ผ่านมาตลาดมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง เพราะมีสินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการป้องกันมากกว่าแก้ไข เนื่องจากเกรงว่าหากเจ็บป่วยขึ้นมาจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูง โดยในส่วนของเบเนคอลในขณะนี้ถือว่ายังไม่มีคู่แข่งโดยตรงแต่อย่างใด เพราะมีผลวิจัยทางการแพทย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้การรับรองว่ามีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ผลจริงด้วยวิธีการตรวจเลือดหลังจากดื่มเบเนคอลติดต่อกันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 14 วัน” นายสุรัตน์กล่าวในที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น