“เวิร์คพอยท์” ทุ่มงบสร้างสตูดิโอ 150 ล้านลาท ซื้ออุปกรณ์ใหม่ 90 ล้านบาท รับขยายงาน ซื้อคอนเทนต์ต่างประเทศลดลง ย้ำเรตติ้งล่าสุดแซงช่อง “โมเดิร์นไนน์” แล้ว คาดรายได้ “ช่อง 1 เวิร์คพอยท์” 1,800 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทปีนี้ 2,300 ล้านบาท
นายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอนเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลสำรวจล่าสุดในช่วง 9 เดือนแรกปี 2557 พบว่า เรตติ้งของ “ช่อง 1 เวิร์คพอยท์” ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเริ่มเสถียรอยู่ที่อันดับ 4 ของทีวีทั้งหมดที่รวมช่องแอนะล็อกออกคู่ขนานและทีวีดิจิตอลใหม่ด้วย
ล่าสุดในเดือนพฤศจิกายนนี้พบว่า “ช่อง 1 เวิร์คพอยท์” ก้าวขึ้นมาสู่อันดับที่ 3 แซงช่อง “โมเดิร์นไนน์ทีวี” ได้แล้ว ขณะที่รายได้ของ “ช่อง 1 เวิร์คพอยท์” ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 เพิ่มขึ้น 102% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยมีรายได้ต่อไตรมาสเพิ่มขึ้นกว่า 90% ต่อไตรมาส
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าในปี 2557 รายได้ของ “ช่อง 1 เวิร์คพอยท์” จะมีประมาณ 1,800 ล้านบาท ขณะที่รายได้ทั้งบริษัทฯ อยู่ที่ 2,300 ล้านบาท ส่วนในปี 2558 คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 3,000 ล้านบาท มีกำไรประมาณ 7-8% และคาดว่าจะมีกำไร 400 ล้านบาทภายใน 4 ปี
นายปัญญากล่าวต่ออีกว่า ในปี 2558 บริษัทฯ จะใช้งบลงทุน 150 ล้านบาทสร้างสตูดิโอใหม่บนที่ดินเดิม และลงทุนอุปกรณ์ใหม่อีก 90 ล้านบาทเพื่อรองรับการผลิตรายการวาไรตีใหม่ๆ ที่จะเน้นมากกว่าการซื้อ แต่ก็ยังคงมีการซื้อบ้างโดยเฉพาะรายการต่างประเทศ แต่จะน้อยลงและซื้อเฉพาะที่ประเมินแล้วว่ามีความเหมาะสม ซึ่งช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ซื้อคอนเทนต์ต่างประเทศแล้วรวม 400 ล้านบาท และยังมีคอนเทนต์ใช้ได้อีก 2-3 ปี ขณะที่แต่ละปีใช้งบ 500-600 ล้านบาทในการผลิตรายการ
นอกจากนั้นยังมีการเจรจากับกลุ่มผู้ผลิตอีกจำนวนมากที่สนใจจะนำรายการเข้าช่องและผลิตรายการป้อน โดยเราเปิดกว้างถ้าหากมีฝีมือและคุณภาพ ทั้งข่าว วาไรตี บันเทิง ละครซิตคอม โดยในปี 2558 จะมีรายการใหม่กว่า 20 รายการ
“ปีหน้ายังเตรียมที่จะปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาใหม่ด้วยจากเดิมเทียบค่า CPRP ของบริษัทฯ จาก 17,000 บาทต่อ 30 วินาที จะเพิ่มเป็น 25,000 บาทต่อ 30 วินาที ซึ่งแม้จะปรับขึ้นเท่าตัวแล้วก็ตาม แต่ราคาของบริษัทฯ ก็ยังต่ำกว่าช่องที่มีราคาถูกที่สุดอยู่คือประมาณ 37,000 บาทต่อ 30 วินาที”
ปัจจุบัน “ช่อง 1 เวิร์คพอยท์” มีส่วนแบ่งตลาดในแง่จำนวนผู้ชมประมาณ 5% และมีส่วนแบ่งด้านเม็ดเงินโฆษณาแค่ 1% เท่านั้นเอง จึงมีโอกาสอีกมากในการสร้างรายได้จากฐานมูลค่าตลาดโฆษณาทางทีวีที่มีประมาณ 70,000 กว่าล้านบาท แม้ว่าปีนี้จะตกลงบ้าง เพราะปัจจัยลบด้านการเมืองและปัญหาด้านเศรษฐกิจ