แอร์บัส โชว์เที่ยวบินสาธิตเครื่องบิน เอ 350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี สุดยอดนวัตกรรม ประหยัดเชื้อเพลิง สำหรับเครื่องบินลำตัวกว้าง ในเส้นทางพิสัยไกล เผยการบินไทยสั่งรวม 12 ลำ โดยซื้อ 4 ลำ และแบบสัญญาเช่า 8 ลำ คาดส่งมอบลำแรก กลางปี 59 ขณะทีี สิงคโปร์แอร์ไลน์ สั่งมากสุดในเอเชียรวม 70 ลำ
วันนี้ (25 พ.ย.) บริษัท แอร์บัส ได้นำเครื่องบิน เอ 350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี ( Extra Wide Body: XWB) ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างพิเศษเครื่องใหม่ล่าสุดเดินทางมาเยือนไทยในฐานะที่เป็น 1 ใน5 เมืองในการจัดทัวร์เที่ยวบินสาธิตในเอเชีย คือ กรุงโซล โตเกียว ฮานอย กรุงเทพฯ และกัวลาลัมเปอร์ โดยใช้เครื่องบิน แอร์บัส เอ 350-900 เอ็มเอสเอ็น 5 สำหรับทดสอบเที่ยวบินครั้งนี้ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่เป็นลูกค้า ซึ่งการบินไทยมีคำสั่งในการจัดหาเครื่องบินแอร์บัส เอ 350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบีจำนวน 12 ลำ แบ่งเป็นข้อตกลงสัญญาเช่าจำนวน 8 ลำ และสั่งซื้ิอจากแอร์บัสจำนวน 4 ลำ โดยจะนำไปใช้ปฎิบัติการบินในเส้นทางพิสัยไกล ให้บริการระดับพรีเมี่ยม รวมทั้งบางเส้นทางบินในภูมิภาค
นายไมค์ บาวเซอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แอร์บัส เอ 350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี เปิดเผยว่า จะสามารถส่งมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ 350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี ลำแรกตามคำสั่งซื้อของการบินไทยได้ประมาณกลางปี 2559 ซึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมีการตอบรับที่ดีมาก โดยมียอดคำสั่งซื้อรวมทั้งหมด 244 ลำ จากลูกค้า 11 รายคิดเป็น 1 ใน3 ของยอดการสั่งซื้อทั่วโลกที่มีทั้งหมด 750 ลำ จากลูกค้ากว่า 39 รายทั่วโลก โดยนอกจาก สายการบินไทย ที่สั่งซื้อแล้ว ยังมีสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ที่สั้งซื้อมากที่สุดในเอเชีย จำนวน 70 ลำ ,สายการบินเอเชียน่า แอร์ไลน์ สายการบินแอร์ ไชน่า สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค สายการบินไชน่า แอร์ไลน์ สายการบินเจแปน แอร์ไลน์ และสายการบินเวียดนาม แอร์ไลน์
ทั้งนี้ เครื่องบินแอร์บัส เอ 350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี เป็นเครื่องบินใหม่ล่าสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างของแอร์บัส สามารถจุที่นั่งผู้โดยสารได้มากถึง 369 ที่นั่ง ด้วยการวางผังแบ่งเป็น 2 ชั้นโดยสาร สามารถปฎิบัติการบินโดยไม่หยุดพักในระยะไกลถึง 8,000 ไมล์ทะเล นอกจากนี้ ยังออกแบบลำตัวและปีกทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ขับเคลื่อนด้วยเคตื่องยนต์โรลส์รอยซ์ รุ่นเทรนท์ เอ็กซ์ดับเบิลยูบี ซึ่งมีประสิทธิภาพลดการเผาผลาญเชื้อเพลิง ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะจะปล่อยไอเสียลงถึง 25% และลดต้นทุนในการบำรุงรักษาอย่างมาก ช่วยลดต้นทุนต่อที่นั่งต่อไมล์ลงทเมื่อเทียบกับเครื่องบินพิสัยบินระยะไกลของคู่แข่งอย่าง เครื่องบินโบอิ้ง 777 และเปรียบเทียบกับโบอิ้ง 787-9 ใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่่า9% ส่งผลต่อค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่าและมีต้นทุนต่อที่นั่งต่ำกว่าถึง 10%
ส่วนห้องโดยสารจะมีความกว้างพิเศษให้ผู้โดยสารมีพื้นที่ส่วนตัวเพิ่มขึ้นในทุกชั้นโดยสาร ที่นั่งกว้างถึง 18 นิ้ว เป็นมาตรฐานสำหรับที่นั่งชั้นประหยัด ส่วนชั้นโดยสารระดับพรีเมี่ยม ได้รับการออกแบบให้เหมาะสำหรับสายการบินในการติดตั้งที่นั่งที่สามารถปรับนอนราบสนิท ซึ่งจะเป็นที่นั่งที่มีความสะดวกสบายสูงสุด เป็นต้น
"สาเหตุที่มีคำสั่งซื้อจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมากเนื่องจาก มีเศรษฐกิจเติบโตสูง ขนาดของเครื่องบิน และความทันสมัย สามารถลดมลภาวะและลดการใช้เชื้อเพลิงได้ 25% จึงมีความเหมาะสมกับตลาดในภูมิภาคนี้และใช้แทนเครื่องบินโบอิ้ง 777 ได้ในอนาคต โดยในส่วนของการบินไทยนั้นเป็นรุ่นทีเหมาะสมเพราะสามารถใช้บินในเส้นทางระยะไกลไผยุโรปที่ต้องการความถี่ได้"นายไมค์กล่าว
อย่างไรก็ตาม แอร์บัสคาดการณ์ว่า ใน 20 ปีข้างหน้า ระหว่างปี 2557-2576 จะมีความต้องการเดินทางเพิ่มขึ้นจาก 1พันล้านคนในปี 2557 เป็น 6.2 พันล้านคน และมีความต้องการเครื่องบินโดยสารและเครื่องบินขนส่งสินค้าถึง 31,358 ลำ คิดเป็นมูลค่าถึง 4.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ138 ล้านล้านบาท)
