“อิชิตัน กรุ๊ป” เดินหน้าครองแชมป์ตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ครองมาร์เกตแชร์ฉลุย 44.5% อัดยอดไตรมาส 3/57 รวม 1,359.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ 266.2 ล้านบาท พร้อมพา “อิชิตัน อินโดนีเซีย” เดินหน้าเตรียมเปิดตัวชาพร้อมดื่มบุกฐานอินโดนีเซียกว่า 250 ล้านคนในปี 58
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/57 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557) ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,359.5 ล้านบาท ลดลง 9.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่สามารถทำกำไรสุทธิ 266.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.4% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ 163.9 ล้านบาท เป็นผลจากการบริหารต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายทางการตลาด เมื่อรวมกับกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นจากโรงงานเฟส 2 ที่เสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้อิชิตันลดอัตราการว่าจ้างผลิต (OEM) ลงเหลือเพียง 1% ลดลงจาก 21% ในงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งหมดกลายเป็นองค์ประกอบที่ส่งผลให้ผลกำไรสุทธิเติบโตตามเป้าหมาย ทั้งนี้ ในไตรมาส 4/57 บริษัทฯ มีแผนการรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยส่งชาเขียวรสชาติใหม่ “อิชิตัน รสลิ้นจี่” ออกสู่ตลาดซึ่งคาดว่าน่าจะทำยอดขายได้เป็นอย่างมาก
แม้ตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศไทยจะยังคงมีการแข่งขันดุเดือด แต่ “อิชิตัน” ยังครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 44.5% เป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นปีที่ 2 สำหรับอันดับสองคือ “โออิชิ” 36.9% และ “เพียวริคุ” 7.6% เป็นอันดับสาม (ข้อมูลจากดัชนีตัวเลขค้าปลีก Nielsen ม.ค.-ก.ย.57) บริษัทฯ ประเมินภาพรวมธุรกิจตลาดชาพร้อมดื่มช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 ว่า มีแนวโน้มจะเติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้น
สำหรับความคืบหน้าของ บริษัท อิชิตัน อินโดนีเซีย จำกัด ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท อิชิตันกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท พีที อาทรี่ แปซิฟิค จำกัด (PT Atri Pasifik) (AP) ประเทศอินโดนีเซีย อันมีบริษัทมิตซูบิชิ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (Misubishi Corperation) ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ถือหุ้นร่วม โดยสินค้ากลุ่มแรกตั้งเป้าหมายจะออกสู่ตลาดภายในไตรมาส 2/58 ซึ่งนอกเหนือจาก “อิชิตัน” และ “เย็นเย็น” แล้ว ยังมีแผนจะพัฒนาเครื่องดื่มน้ำผลไม้ตรา “ไบเล่” เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบุกตลาดที่ประเทศอินโดนีเซีย
ล่าสุด “อิชิตัน” เป็นหนึ่งในบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ในปี 2557 และได้รับการจัดเข้ากลุ่มหลักทรัพย์ที่ใช้ในการคำนวณดัชนี MSCI Global Small Cap Indexes งวดล่าสุดที่จัดขึ้นวันที่ 14 พ.ย.57 ถือเป็นการสะท้อนธุรกิจบริษัทฯ ถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แนวโน้มการเติบโตสูง มีศักยภาพต่อการลงทุน และเป็นบริษัทที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้การตอบรับระดับดีอย่างต่อเนื่อง