ตลาดเอเชียบูม คนแห่ทำงานในเมืองใหญ่เพิ่ม “UTC” เชื่ออัตราการเติบโตของตึกมีสูงขึ้น ผนึกกำลัง 5 แบรนด์ในเครือรุกขายแบบโซลูชัน มั่นใจในปี 2020 รายได้ทั่วโลกทะลุ 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 40% เทียบกับทั่วโลก
นายฟิลิป เดลเพช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการระหว่างทวีป UTC Building & Industrial Systems หรือ United Technologies Corporation เปิดเผยว่า UTC มีการดำเนินธุรกิจทั่วโลกใน 2 กลุ่มหลักคือ Aero Space และ Building & Industrial Systems ที่ปัจจุบันมีมูลค่ารายได้รวมกันกว่า 6.5 หมื่น ล้านเหรียญสหรัฐ โดย Building & Industrial Systems ทำรายได้อยู่ที่ 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ในกลุ่ม Building & Industrial Systems เดิมจะมีการดำเนินงานแยกตามผลิตภัณฑ์และบริการ แต่เมื่อช่วงเดือน ต.ค.56 ได้ทำการรวทั้ง 5 แบรนด์คือ 1. Carrier เกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ 2.OTIS บันไดเลื่อน 3.SIGMA บันไดเลื่อนและลิฟต์ 4.ONITY กล้องวงจรปิด/ระบบรักษาความปลอดภัย และ 5.Chubb ประตูคีย์การ์ด ให้อยู่ภายใต้บริษัทเดียวกันคือ UTC Building & Industrial Systems ด้วยการนำเสนอบริการแบบโซลูชัน
เนื่องจากมองเห็นทิศทางของการย้ายถิ่นฐานของกลุ่มคนในหัวเมืองรองเข้าสู่หัวเมืองหลักมากขึ้น โดยทั่วโลกเมื่อ 5 ปีก่อนมีประชากรกว่า 5 พันล้านคน ในอีก 9 ปีคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านคน แต่ปัจจุบันมีผู้คนที่อาศัยอยู่ในหัวเมืองใหญ่รวมกันกว่า 3.5 พันล้านคน ต่อปีมีย้ายถิ่นฐานเพิ่มถึง 65 ล้านคน ส่งผลให้จะทำให้เกิดอาคารใหม่ๆ ตามมา ซึ่งเป็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่จะรุกในส่วนของสินค้ากลุ่ม Building & Industrial Systems
ทั้งนี้ มองว่ากลุ่มประเทศในเอเชียมีโอกาสในการดำเนินธุรกิจสูงเมื่อเทียบกับฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรป จากการขยายตัวของหัวเมืองใหญ๋ที่จะมีตึกใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่ฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะทรงตัว จะเกิดขึ้นน้อยกว่าและหนักไปทางรีโนเวตตึก ส่งผลให้บริษัทจะให้ความสำคัญในตลาดเอเชียมากขึ้น เชื่อว่าภายในปี 2020 รายได้จากทางเอเชีย จะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 40% จากปัจจุบันทั้ง 3 ทวีปนั้นมีสัดส่วนรายได้ที่ 1 ใน 3 เท่าๆ กัน
สำหรับประเทศไทยได้รวม 5 แบรนด์มาอยู่ใต้บริษัทเดียวกันเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับดี จากจุดแข็งที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารจัดการร่วมกัน เพราะมีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน โลเกชันเดียวกัน จะช่วยต่อยอดความปลอดภัยให้ลูกค้าด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะนำเสนอการให้บริการในแบบโซลูชัน รวมถึงเพิ่มบริการบริหารจัดการความปลอยภัยของตึกเพิ่มด้วย เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี
นอกจากนี้ยังพร้อมลงทุนในไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องปรับอากาศที่มีการจอยต์เวนเจอร์กับพันธมิตร เช่น โตชิบา และบีกริม ทางด้านโรงงาน เพิ่มกำลังการผลิตแอร์พาณิชย์และคอมเพรสเซอร์แอร์มาตั้งแต่ปีก่อน ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเกิดขึ้น โดยรายได้ของไทยเทียบเท่ากับสิงคโปร์ซึ่่งเป็นประเทศที่ทำรายได้สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายฟิลิป เดลเพช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการระหว่างทวีป UTC Building & Industrial Systems หรือ United Technologies Corporation เปิดเผยว่า UTC มีการดำเนินธุรกิจทั่วโลกใน 2 กลุ่มหลักคือ Aero Space และ Building & Industrial Systems ที่ปัจจุบันมีมูลค่ารายได้รวมกันกว่า 6.5 หมื่น ล้านเหรียญสหรัฐ โดย Building & Industrial Systems ทำรายได้อยู่ที่ 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ในกลุ่ม Building & Industrial Systems เดิมจะมีการดำเนินงานแยกตามผลิตภัณฑ์และบริการ แต่เมื่อช่วงเดือน ต.ค.56 ได้ทำการรวทั้ง 5 แบรนด์คือ 1. Carrier เกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ 2.OTIS บันไดเลื่อน 3.SIGMA บันไดเลื่อนและลิฟต์ 4.ONITY กล้องวงจรปิด/ระบบรักษาความปลอดภัย และ 5.Chubb ประตูคีย์การ์ด ให้อยู่ภายใต้บริษัทเดียวกันคือ UTC Building & Industrial Systems ด้วยการนำเสนอบริการแบบโซลูชัน
เนื่องจากมองเห็นทิศทางของการย้ายถิ่นฐานของกลุ่มคนในหัวเมืองรองเข้าสู่หัวเมืองหลักมากขึ้น โดยทั่วโลกเมื่อ 5 ปีก่อนมีประชากรกว่า 5 พันล้านคน ในอีก 9 ปีคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านคน แต่ปัจจุบันมีผู้คนที่อาศัยอยู่ในหัวเมืองใหญ่รวมกันกว่า 3.5 พันล้านคน ต่อปีมีย้ายถิ่นฐานเพิ่มถึง 65 ล้านคน ส่งผลให้จะทำให้เกิดอาคารใหม่ๆ ตามมา ซึ่งเป็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่จะรุกในส่วนของสินค้ากลุ่ม Building & Industrial Systems
ทั้งนี้ มองว่ากลุ่มประเทศในเอเชียมีโอกาสในการดำเนินธุรกิจสูงเมื่อเทียบกับฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรป จากการขยายตัวของหัวเมืองใหญ๋ที่จะมีตึกใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่ฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะทรงตัว จะเกิดขึ้นน้อยกว่าและหนักไปทางรีโนเวตตึก ส่งผลให้บริษัทจะให้ความสำคัญในตลาดเอเชียมากขึ้น เชื่อว่าภายในปี 2020 รายได้จากทางเอเชีย จะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 40% จากปัจจุบันทั้ง 3 ทวีปนั้นมีสัดส่วนรายได้ที่ 1 ใน 3 เท่าๆ กัน
สำหรับประเทศไทยได้รวม 5 แบรนด์มาอยู่ใต้บริษัทเดียวกันเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับดี จากจุดแข็งที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารจัดการร่วมกัน เพราะมีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน โลเกชันเดียวกัน จะช่วยต่อยอดความปลอดภัยให้ลูกค้าด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะนำเสนอการให้บริการในแบบโซลูชัน รวมถึงเพิ่มบริการบริหารจัดการความปลอยภัยของตึกเพิ่มด้วย เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี
นอกจากนี้ยังพร้อมลงทุนในไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องปรับอากาศที่มีการจอยต์เวนเจอร์กับพันธมิตร เช่น โตชิบา และบีกริม ทางด้านโรงงาน เพิ่มกำลังการผลิตแอร์พาณิชย์และคอมเพรสเซอร์แอร์มาตั้งแต่ปีก่อน ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเกิดขึ้น โดยรายได้ของไทยเทียบเท่ากับสิงคโปร์ซึ่่งเป็นประเทศที่ทำรายได้สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
