“พาณิชย์” ส่งสายตรวจเช็กราคาอาหารจานด่วนทั่วประเทศ ป้องกันพ่อค้าแม่ค้าเอาเปรียบ เหตุต้นทุนในการผลิตไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น ยันก๊าซหุงต้มขึ้นกระทบเล็กน้อย เผยทั่วประเทศมีร้านหนูณิชย์พาชิมแล้วกว่า 2 พันแห่ง ช่วยดึงราคาจานด่วนได้ จับตาปรับโครงสร้างพลังงาน หวั่นกระทบต้นทุนสินค้า ระบุยังไม่มีผู้ผลิตรายใดขอปรับขึ้นราคาแม้ใกล้พ้นช่วงตรึงสินค้า
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมการจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จ ณ ร้านอาหารข้าวแกงปักษ์ใต้ ถ.ติวานนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี ว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจของกรมการค้าภายในออกสุ่มตรวจราคาอาหารปรุงสำเร็จทั่วประเทศ เพื่อติดตามดูแลราคาอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีการฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภคหรือฉวยโอกาสขึ้นราคา จนกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน เนื่องจากต้นทุนในการผลิตอาหารไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น
“จากการสำรวจพบว่าร้านค้ายังขายอาหารปรุงสำเร็จตามราคาแนะนำ คือ กับข้าว 2 อย่าง 30-35 บาท แต่ยอมรับมีบางพื้นที่ที่ขายอาหารราคาสูง เพราะต้นทุนค่าเช่าที่สูง บางแห่งใช้วัตถุดิบราคาแพง ซึ่งก็ต้องเห็นใจผู้ประกอบการด้วยเช่นกัน”
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละพื้นที่ก็มีร้านอาหารปรุงสำเร็จและร้านหนูณิชย์พาชิม ที่จะเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค โดยจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จราคาถูกเมนูละ 25-35 บาท ซึ่งปัจจุบันมีร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการหนูณิชย์พาชิมแล้วทั้งหมดกว่า 2,019 ร้านค้าทั่วประเทศ
ส่วนการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มที่ได้ปรับขึ้นมาต่อเนื่องทุกเดือนนั้น มีผลกระทบต่อราคาอาหารปรุงสำเร็จเพียง 3 สตางค์ต่อจานเท่านั้น จึงไม่มีเหตุผลใช้เป็นข้ออ้างในการปรับขึ้นราคา
นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า กรมฯ กำลังติดตามการปรับโครงสร้างราคาพลังงานของกระทรวงพลังงานที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2557 อย่างใกล้ชิด รวมทั้งรอมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ว่าจะมีการปรับโครงสร้างอย่างไรบ้าง เพราะอาจมีผลกระทบต่อต้นทุนของสินค้า โดยเฉพาะหากมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลก็จะกระทบต่อการขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมาก เช่น ปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง และอาจเป็นสาเหตุให้ผู้ประกอบการใช้เป็นข้ออ้างในการปรับขึ้นราคาสินค้าได้
นอกจากนี้ ในสิ้นเดือน พ.ย. 2557 จะหมดช่วงการขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้า ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดยื่นขอปรับราคาสินค้าเข้ามา และเชื่อว่าหากต้นทุนไม่เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าก็จะยังไม่มีการปรับเพิ่มขึ้น