“สิงห์” เร่งจัดองค์กรครั้งใหญ่รอบ 10 ปี เพิ่มศักยภาพด้านกลุ่ม “นอน-แอลกอฮอล์” มุ่งชูกลยุทธ์ M&A เทกโอเวอร์ทั้งในและต่างประเทศ ไม่จำกัดวงเงินขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี เผยเจรจาหลายดีลแต่ยังไม่สรุป ก่อนหน้านี้เพิ่งควัก 1 ล้านปอนด์เทกโอเวอร์ร้านอาหารไทยในอังกฤษ ยอมรับปีนี้กลุ่มนอน-แอลกอฮอล์ได้แค่ 1.5 หมื่นล้านบาท พลาดจากเป้าเดิมที่ 1.6 หมื่นล้านบาท คาดอีก 2 ปีจากนี้ทะลุ 3 หมื่นล้านบาท
นายภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจนอน-แอลกอฮอล์ บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มสิงห์กำลังอยู่ระหว่างการรีสตรักเจอร์องค์กร หรือปรับองค์กรครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี โดยมี บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เป็นบริษัทแม่ควบคุมทั้งหมด และมี บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นบริษัทที่ทำการลงทุนในกิจการต่างๆ โดยจะมีการจัดวางธุรกิจแยกออกจากกันอย่างชัดเจนเป็นบิสิเนสยูนิต เพื่อจะได้รู้ว่าธุรกิจไหนมีรายได้และกำไรเท่าใด
เบื้องต้นจะมี 5 ธุรกิจ คือ 1. แอลกอฮอล์ 2. นอน-แอลกอฮอล์ 3. ธุรกิจจัดจำหน่าย “ลีโอลิ้งค์” 4. ธุรกิจแพกเกจจิ้ง และ 5. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่วนธุรกิจพลังงานยังอยู่ระหว่างการจัดการว่าจะอยู่ในกลุ่มใด หรือแยกเป็นกลุ่มใหม่ โดยแต่ละกลุ่มจะมีตำแหน่งซีอีโอและกรรมการผู้จัดการกลุ่มดูแล เพื่อเพิ่มศักยภาพและความชัดเจนในการรุกธุรกิจแต่ละประเภท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีความสนใจที่จะขยายธุรกิจอื่นเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่าย หรือรีเทล แต่ยังเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของการศึกษาและยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนกรณีของ “เทสโก้ โลตัส” ที่มีข่าวการขายธุรกิจในไทยนั้น นายภูริต กล่าวให้ความเห็นว่า ยังไม่ได้ไปเจรจาแต่ก็มีการดูๆ อยู่เหมือนกัน ขึ้นกับว่าจะสนใจหรือไม่
ขณะที่ บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่ทำหน้าที่ทำตลาดและจัดจำหน่ายในต่างประเทศโดยเฉพาะเบียร์นั้นก็จะทำการขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นและจะครอบคลุมสินค้ามากขึ้นด้วย โดยปีนี้ในกลุ่มนอน-แอลกอฮอล์มีรายได้ประมาณ 3-4 พันล้านบาท
ทั้งนี้ นายภูริต ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจนอน-แอลกอฮอล์เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา กล่าวว่า บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจเชิงรุกมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยจะเน้นการเติบโตด้วยการซื้อธุรกิจหรือ M & A เป็นหลัก เนื่องจากว่าจะทำให้มีความแข็งแกร่งเพราะความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่ายและเป็นพันธมิตรในการทำธุรกิจต่อไป แต่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่หรือจำนวนเท่าใด แล้วแต่กรณีของธุรกิจและการเจรจา ทั้งยังเปิดกว้างกับทุกธุรกิจไม่ใช่เฉพาะเครื่องดื่มกับอาหารเท่านั้น
บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในส่วนของกลุ่มธุรกิจนอน-แอลกอฮอล์ในปี 2559 ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่มีรายได้กลุ่มนี้ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท และมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 15% จากรายได้รวมของกลุ่มสิงห์ที่คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 1.1 แสนล้านบาทในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในปีนี้ของกลุ่มนอน-แอลกอฮอล์ที่ 1.6 หมื่นล้านบาทคงไม่ถึง เนื่องจากปัญหาต่างๆ ในปีนี้ซึ่งมีทั้งปัญหาทางด้านการเมือง การชุมนุม และเศรษฐกิจ
การทำธุรกิจของกลุ่มสิงห์จะไม่เน้นการเทกโอเวอร์ แต่จะทำให้มีการเกิดการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ช่วยกันสร้างการเติบโตด้วยกัน โดยในช่วงที่ผ่านมาเราก็ได้เป็นพันธมิตรกับหลายบริษัทแล้ว แต่ยอมรับว่าส่วนใหญ่เราจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยขณะนี้มีการเจรจากันหลายดีลเหมือนกัน แต่ยังไม่สรุปเพราะยังไม่ถูกใจ
ก่อนหน้านี้ในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มสิงห์ได้เข้าซื้อกิจการมาหลายแห่งทั้งในและต่างประเทศ เช่น บริษัท วราฟู้ด จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มผลไม้และน้ำมะพร้าว เป็นต้น มีรายได้ประมาณ 1.5 พันล้านบาท, บริษัท เฮสโก้โซลูชั่น จำกัด (เดิมคือ บริษัท บีอาร์ฟู้ด จำกัด) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดหาวัตถุดิบในการผลิตอาหารต่างๆ, บริษัท ไฟน์ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทาน พร้อมปรุง เน้นการส่งออก, การซื้อกิจการร้านอาหารไทย 4 ร้านจากเจ้าของเดียวกันในประเทศอังกฤษมูลค่า 1 ล้านปอนด์ เป็นต้น ขณะที่ส่วนที่มีอยู่แล้วหลายอย่าง เช่น น้ำดื่มสิงห์ น้ำแร่เพอร์ร่า ข้าวพันธุ์ดี น้ำผลไม้ สาหร่ายฮาชิตะ เป็นต้น