ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอตัว ส่งผลให้ยอดใช้แอลพีจีครัวเรือน 8 เดือนลด 13-14% ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมลด 5.2% ด้านภาคขนส่งยังต่อไม่หยุดยอดใช้พุ่ง 9.3% เหตุแม้จะปรับราคาขายแต่ราคาก็ยังต่ำกว่าน้ำมัน คาดปี 2558 ศก.จะกลับมาโตดันให้การใช้ขยายตัวปกติเช่นที่ผ่านมา 5-10%
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) ภาคครัวเรือนขณะนี้ภาพรวมยังคงลดลงประมาณ 13-14% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คาดว่าจะมาจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่รัฐอนุโลมให้ใช้แอลพีจีราคาครัวเรือนได้ไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม (กก.) ซึ่งพบว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอทำให้เอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากยอดขายที่ลดลง จึงกระทบต่อการใช้แอลพีจีลดตามไปด้วย
“เศรษฐกิจชะลอทำให้การใช้ลดตามไปด้วย โดยครัวเรือนที่ขยายก็จะต้องใช้มากแต่ขณะนี้การขยายตัวของที่อยู่อาศัยเป็นแนวสูงคือประเภทคอนโดมิเนียมจำนวนมากส่วนนี้ก็มีผลให้การใช้แอลพีจีลดลงไปด้วย เชื่อว่าปี 2558 เศรษฐกิจดีขึ้นก็จะทำให้การใช้แอลพีจีกลับมาขยายตัวตามปกติประมาณ 5-10% ส่วนการใช้แอลพีจีในภาคขนส่งยังคงเพิ่มขึ้น เพราะแม้ว่ารัฐจะทยอยปรับราคาเพิ่มเพื่อให้เท่ากับครัวเรือนแต่ราคาก็ยังต่ำกว่าน้ำมัน” นายชิษณุพงศ์กล่าว
ทั้งนี้ หากรัฐบาลเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีทั้งระบบเพื่อให้สะท้อนต้นทุนราคาหน้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติซึ่งจะทำให้ราคาแอลพีจีครัวเรือนและขนส่งต้องปรับขึ้นอีกนั้นเห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการแต่ควรคงมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยไว้เช่นเดิม ซึ่งปัจจุบันมาตรการดังกล่าวเริ่มมีผู้มาใช้สิทธิมากขึ้นโดยเฉพาะร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร
รายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) แจ้งว่า สถานการณ์การใช้แอลพีจี 8 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค. 57) รวม 19.75 ล้าน กก.ต่อวัน (รวมโปรเพน บิวเทน) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.3% ที่มีการใช้อยู่ที่ 20 ล้าน กก.ต่อวัน โดยแยกเป็นภาคครัวเรือนอยู่ที่ 5.83 ล้าน กก.ต่อวัน ลดลงประมาณ 13.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีการใช้อยู่ที่ 6.76 ล้าน กก.ต่อวัน
ภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 1.562 ล้าน กก.ต่อวัน ลดลง 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดใช้ 1.64 ล้าน กก.ต่อวัน แอลพีจีภาคขนส่ง 5.60 ล้าน กก.ต่อวัน เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดใช้ 5.12 ล้าน กก.ต่อวัน แอลพีจีภาคปิโตรเคมี 6.75 ล้าน กก.ต่อวัน ปรับขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดใช้ 6.46 ล้าน กก.ต่อวัน
“ภาคครัวเรือนที่ลดมาจากเศรษฐกิจชะลอตัว อีกส่วนหนึ่งจากการที่รัฐเข้มงวดการจับกุมการลักลอบใช้ข้ามประเภทที่ผ่านมา ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงปัจจัยหลักน่าจะมาจากภาวะเศรษฐกิจ และบางรายหันไปใช้เชื้อเพลิงอย่างอื่นแทนเพราะแอลพีจีอุตสาหกรรมมีราคาที่สูงขึ้น”
