“PPTV” เมินปัญหาทีวีดิจิตอล มองลดค่าธรรมเนียม 4% ไม่เกิดผล เชิดหน้าลุยดึงกีฬาเสริมทัพคอนเทนต์ ล่าสุดจับมือ “ซีทีเอช” ชู “บุนเดสลีกา” ปั๊มยอดผู้ชม หวังปีหน้ามีรายได้ 500 ล้านบาท จากต้องเจ็บตัวสุดๆ ในปีนี้เพราะมีรายได้ต่ำกว่าเป้า 1 พันล้านบาท สูงถึง 2-3 เท่าตัว
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด (BMB) ผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ดิจิตอล “PPTV HD” เปิดเผยว่า ในช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมาจะพบว่าอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เพราะมีปัญหามาโดยตลอด ซึ่งเป็นผลพวงมาตั้งแต่เริ่มมีกฎเกณฑ์ออกมาบังคับด้วยการนำบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในสายอาชีพนี้มากำกับดูแล ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา จนมาถึงเรื่องปัญหา ช่อง 3 แอนะล็อก ที่สุดท้ายแล้วเชื่อว่าจะไม่จอดำ หรืออาจจะจอดำแค่วันเดียว โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. พร้อมที่จะโอนอ่อนให้ ขณะที่ช่อง 3 แอนะล็อก ไม่ได้สูญเสียอะไรไป มีแต่ได้กับได้
ล่าสุด ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติให้งดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตกับค่า USO รวม 4% สำหรับช่องที่ออกอากาศคู่ขนานและให้ผู้ประมูลโทรทัศน์ดิจิตอลทุกรายเลื่อนการนำส่งค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ หรือเงินประมูลคลื่นความถี่ งวดที่ 2 จำนวน 8,124.20 ล้านบาทออกไปได้อีก 1 ปีนั้น ตนมองว่ามติดังกล่าวไม่ได้เกิดผลดีอะไรต่อช่องทีวีดิจิตอลเลย แต่กลับเหมือนคุ้มครองและเอื้อต่อช่อง 3 แอนะล็อก ด้วยซ้ำ
“การงดเว้นค่าธรรมเนียมออกไป 1 ปีไม่ได้ช่วยสนับสนุน หรือส่งเสริมให้ทีวีดิจิตอลดีขึ้น เพราะกว่าแอนะล็อกจะหมดไปก็ตั้งปี 2563 แต่มองเป็นการปกป้องช่องทีวีแอนะล็อกมากกว่า ในความจริงขอเสนอให้ละเว้นไป 2 ปี แต่ได้มาปีเดียว ขณะที่ผ่านไปเพียง 7-8 เดือน ทีวีดิจิตอลรายใหม่จริงๆ เริ่มเห็นว่าไม่เป็นไปตามคาด ซึ่งมองว่าในปีที่ 3 อาจจะได้เห็นว่าสุดท้ายจะเหลือกี่ราย ขณะที่ปีหน้าจะยังอยู่ครบทุกช่อง แต่อยู่ในภาวะการลงทุนและขาดทุนอยู่”
นายเขมทัตต์กล่าวว่า การดำเนินการทีวีดิจิตอลของ “ช่อง PPTV” ที่ผ่านมาพบปัญหาเกิดขึ้นมาโดยตลอด และมีการปรับแผนยุทธศาสตร์รับมือไปแล้วด้วยการมุ่งเรื่องของคอนเทนต์เป็นหลัก รวมถึงแพลตฟอร์ม ในการนำเสนอเลขช่องที่ “6” ในแพลตฟอร์ม “ซีทีเอช” และ “จีเอ็มเอ็มแซท” ให้เป็น “ช่อง PPTV” โดยพบว่าส่งผลให้เรตติ้งช่องดีขึ้นอย่างมาก
ล่าสุดในช่วงเดือน ต.ค.นี้สถานีฯ จะมีการปรับผังรายการใหม่ที่จะมีการขยับผังนำรายการใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพไปจนถึงปีหน้าภายใต้งบการลงทุนด้านคอนเทนต์ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาทที่ใช้ในปีหน้าเพื่อสร้างฐานผู้ชม เช่น คอนเทนต์กีฬากับการจับมือกับบริษัท จีเอ็มเอ็มบี จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล บุนเดสลีกา ฤดูกาล 2014/2015 รวมทั้งหมด 34 แมตช์ เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ย. 57-พ.ค. 58 พร้อมร่วมกันหารายได้จากสปอนเซอร์ร่วมกัน
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีรายได้อีก 20 ล้านบาทจากเมนแพกเกจขายราคา 15 ล้านบาทที่ต้องการ 5-6 ราย และเตรียมนำรายการกีฬาอื่นๆ เข้ามาอีกต่อเนื่องจะส่งผลให้สัดส่วนรายการกีฬาเพิ่มเป็น 10% ของผังรายการทั้งหมดและน่าจะเพิ่มฐานผู้ชมได้อีกมาก หรือช่วยให้กลับมามีรายได้ถึง 500 ล้านบาทในปี 2558
“ก่อนหน้านั้นเราวางรายได้ไว้ปีละ 1 พันล้านบาท พร้อมจะมีการลงทุนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีแรก แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมาจำเป็นต้องมีการปรับรายได้กันใหม่ โดยยอมรับว่ารายได้ในปี 2557 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 2-3 เท่า แต่บริษัทฯ ยังพร้อมลงทุนต่อเนื่อง โดยหวังว่าภายในปีที่ 4 จะกลับมามีรายได้คุ้มทุนได้” นายเขมทัตต์กล่าวในที่สุด
ด้าน นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) และในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็มบี จำกัด กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในธุรกิจทีวีดิจิตอลส่งผลต่อภาพรวมอุตสาหกรรมบรอดคาสติ้งอย่างมากและดูเหมือนว่ากำลังถูกแทรกแซง ไม่ได้ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี โดยในส่วนที่อยู่ในฐานะเจ้าของแพลตฟอร์มได้รับหนังสือจาก กสทช.แล้วตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา และพร้อมปฏิบัติตามโดยจะมีการจอดำ ช่อง 3 แอนะล็อก ในคืนวันที่ 28 ก.ย.ศกนี้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาช่อง 3 แอนะล็อก ส่งผลกระทบต่อฐานลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาเช่นกัน จากปัจจุบันมีลูกค้าใหม่เข้ามากว่าเดือนละ 1 แสนรายรวมกันใน 2 แพลตฟอร์มคือ “ซีทีเอช” และ “จีเอ็มเอ็มแซท” ส่งให้ปัจจุบัน “ซีทีเอช” มีฐานสมาชิกกว่า 1 ล้านรายแล้ว โดยกว่า 2 แสนรายมาจาก “จีเอ็มเอ็มแซท”
ทั้งนี้ ในช่วงเดือน ต.ค. 57 “ซีทีเอช” จะออกแพกเกจใหม่อีก 4 แพกเกจในราคา 299 บาท คือ แพกเกจภาพยนตร์ฮอลลีวูด แพกเกจภาพยนตร์มูฟวีเลิฟเวอร์ แพกเกจครอบครัว และแพกเกจสปอร์ตแมนเนียร์ เชื่อว่าถึงสิ้นปี 2557 จะได้ฐานสมาชิกใหม่อีก 2 ล้านราย ทำให้สามารถเข้าถึงผู้ชมกว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศตามแผนได้ จากปัจจุบันซีทีเอชมีรายได้หลัก 3 ทาง คือ เพย์ทีวี 80% คอนเทนต์แชริ่ง 10% และโฆษณา 10% ซึ่งการนำบุนเดสลีกามาออกอากาศทาง PPTV นั้นมองว่าจะมีรายได้จากโฆษณาได้ราว 50 ล้านบาท