เตรียมจัดงาน “โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์” มหกรรมการแสดงเรือนานาชาติ จัดแสดงสินค้าและบริการทางด้านธุรกิจและการท่องเที่ยวทางทะเล ตลอดจนกีฬาและไลฟ์สไตล์ทางน้ำ แสดงศักยภาพของหาดจอมเทียนและเมืองพัทยาสู่สายตาชาวต่างชาติ ตอกย้ำศักยภาพของอ่าวไทยให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นางสุพัตรา อังควินิจวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า “โอเชี่ยน มารีน่า” เป็นท่าจอดเรือยอชต์มาตรฐานสากลแห่งแรกของประเทศไทยที่ให้บริการอย่างครบวงจรและมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย ยอชต์คลับ ห้องพักหรู ร้านอาหาร ห้องจัดเลี้ยงประชุมสัมมนา พร้อมด้วย “ซาน มารีโน่ คอนโดมิเนียม” และ “โอเชี่ยน พอร์โตฟีโน่ คอนโดมิเนียม” ตั้งอยู่บนหาดจอมเทียนใกล้ตัวเมืองพัทยา
นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่จัดงานสำคัญระดับประเทศและระดับนานาชาติมากมาย ได้แก่ การแข่งขันเรือใบ “ทอป ออฟ เดอะ กัฟ รีกัตต้า” ซึ่งเป็นการแข่งเรือใบที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย, การแข่งขันเรือใบระดับโลก CataWorld Cup, การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 รวมไปถึงการจัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ของค่ายแกรมมี่, คลื่นวิทยุ Cool FM และอื่นๆ อีกมากมาย
ล่าสุดบริษัทฯ กำลังเตรียมจัดงาน “โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์” ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 27-30 พ.ย.57 ตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น. ซึ่งถือเป็นงานมหกรรมการแสดงเรือนานาชาติ จัดแสดงสินค้าและบริการทางด้านธุรกิจและการท่องเที่ยวทางทะเล ตลอดจนกีฬาและไลฟ์สไตล์ทางน้ำ เพื่อเป็นการแสดงศักยภาพของหาดจอมเทียนและเมืองพัทยาสู่สายตาชาวต่างชาติ ตอกย้ำศักยภาพของอ่าวไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางของธุรกิจและการท่องเที่ยวทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นางสุพัตรา กล่าวด้วยว่า การจัดงานครั้งนี้ขยายระยะเวลาจัดงานเพิ่มเป็นเวลา 4 วัน และยังได้ขยายพื้นที่การจัดแสดงงานทั้งพื้นบกและผืนน้ำมากขึ้น รวมพื้นที่กว่า 1.2 หมื่นตารางเมตร โดยคาดว่าจะสามารถดึงดูดกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจและการท่องเที่ยวทางทะเล ตลอดจนสินค้าและบริการด้านไลฟ์สไตล์ที่เกี่ยวข้องจากทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมออกแสดงสินค้าและบริการมากกว่า 100 ราย มีผู้เข้าชมงานจากประเทศไทยและนานาประเทศมากกว่า 6 พันคน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
“เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่งานจัดขึ้นเพียง 3 ปีเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นงานมหกรรมประจำปีที่สำคัญงานหนึ่งที่จัดแสดงเรือยอชต์หรูและสินค้าไลฟ์สไตล์ไฮเอนด์ ซูเปอร์คาร์ และคอนโดฯ สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการในแวดวงธุรกิจดังกล่าวทั้งจากประเทศไทยและในเอเชียที่ปีนี้ได้เข้าร่วมแสดงสินค้าและบริการมากขึ้น”
ภายในงานจะมีการแสดงสุดยอดเรือยอชต์ลักชัวรีจากแบรนด์ชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็น เรือ “พรินเซส” (Princess) ซึ่งเป็นแบรนด์ยอชต์ภายใต้ LVMH Moet Hennessey ซึ่งอยู่ในกลุ่มของบริษัท หลุยส์ วิตตอง หรือเรือยอชต์หรูจากอิตาลี แบรนด์ “แครนชี” (Cranchi) และอีกหลายแบรนด์ พร้อมด้วยบริษัทชั้นนำด้านการต่อเรือ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งภายในเรือ ผู้พัฒนาเทคโนโลยีและผู้ให้บริการเดินเรือ อุปกรณ์กีฬาทางน้ำ ไปจนถึงยานยนต์หรูและโครงการอสังหาริมทรัพย์และรีสอร์ตระดับไฮเอนด์อีกมากมาย
นอกจากนั้นยังจะมีการเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียของ “The Heliotrope 65” เรือยอชต์ผลิตในไทยแบบ “แคทามาราน” (Catamaran) ลำแรกของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตโดยบริษัท Bakri Cono นอกจากนี้ยังมีการแสดงรถยนต์สุดหรูจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น โรลส์รอยซ์ และแอสตัน มาร์ติน บริเวณพื้นที่บนชายฝั่งอีกด้วย
การจัดงานในปีนี้ยังมีกิจกรรมใหม่ๆ เช่น การแข่งขันกีฬาตกปลานานาชาติ ระหว่างวันที่ 29-30 พ.ย.57 และการจัดประชุมสัมมนา Boat & Yacht Thailand 2014 Conference ในวันที่ 28 พ.ย.57 รวมถึงกิจกรรมไฮไลต์ให้ผู้ร่วมงานได้สนุกไปกับกิจกรรมบนชายหาด กิจกรรมกีฬาทางน้ำ กิจกรรมนันทนาการ เช่น ร่วมสัมผัสประสบการณ์การล่องเรือยอชต์หรูฟรี การพายเรือคยัคและแพดเดิลบอร์ด การสาธิตกีฬาทางน้ำ เจ็ตแพก-ฟลายอิ้งบอร์ด และเรือบังคับวิทยุ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมเกมต่างๆ อีกมากมาย ตลอดจนเทศกาลอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการแสดงของวงดนตรีในสวนสวย ริมทะเล พร้อมชมวิวพานอรามาท่าจอดเรือยอชต์
นางสุพัตรา กล่าวอีกว่า จากรายงาน The Wealth Report ปี 2014 ระบุว่า จำนวนผู้มีความมั่งคั่งสูง หรือ “High Net Worth Individual” (HNWI) คือกลุ่มบุคคลที่มีความมั่งคั่งในสินทรัพย์ที่มีมูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (ไม่นับรวมที่อยู่อาศัย) ที่อาศัยอยู่ในเอเชีย มีอัตราเติบโตสูงถึง 89% ตั้งแต่ช่วงระหว่างปี 2546-2556 และคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีอัตราการเติบโตขึ้นอีก 43% ซึ่งจะทำให้ภูมิภาคเอเชียมีจำนวนผู้มีความมั่งคั่งสูง แซงหน้าอเมริกาเหนือ และเป็นรองแค่เพียงประเทศแถบยุโรปเท่านั้น
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการใน “โอเชี่ยน มารีน่า” เพิ่มขึ้นถึง 32% ในปี 2556 มีการเติบโตสูงขึ้นจากปี 2553 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 66% โดย “โอเชี่ยน มารีน่า” ได้มีการพัฒนาขยายมารีน่าซึ่งปัจจุบันมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบกับการที่มีแหล่งล่องทะเลที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคจะช่วยทำให้พัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น จอมเทียน และอ่าวไทย เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวทางทะเลในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตอบรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจของอาเซียนในปี 2558
“โอเชี่ยน มารีน่า” ยังได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวพัทยาผ่านงาน “โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญจะช่วยผลักดันธุรกิจการท่องเที่ยวทางทะเลและเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของพัทยาในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับชั้นนำของโลก ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางของเอเชียที่สะดวกแก่การเดินทางจากประเทศในแถบเอเชียด้วยการใช้เวลาไม่ถึง 5 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้น จึงนับได้ว่าการจัดงาน “โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์” จะเป็นจุดศูนย์รวมของความหลากหลายทางธุรกิจในภูมิภาคและดึงดูดผู้คนมาสู่จุดหมายปลายทางแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
ทางด้าน นางภัทรพร สิทธิวนิช ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เมืองพัทยายังคงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและจากทั่วโลก ในขณะที่ “โอเชี่ยน มารีน่า” ถือเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวทางทะเลของพัทยา โดยคาดว่าการจัดงาน “โอเชี่ยน มารีน่า พัทยา โบ๊ท โชว์” จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวระดับบนสู่พัทยาและผลักดันอ่าวไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวทางทะเลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างสมบูรณ์แบบ