คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ระหว่างที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้การบริหารงานของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ “คสช.” เรื่องราวต่างๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขสมัยนักการเมืองผู้อ้าปากสำรากแต่คำว่าประชาธิปไตยได้ ก็กลายมาเป็นปัญหาให้คณะผู้ปกครองในเครื่องแบบทหารสะสางดูแลแก้ไข ตั้งแต่เรื่องทั่วไป ยันโครงสร้างของประเทศ ทีนี้เรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องที่มีคนเรียกร้องให้ปรับเปลี่ยนแก้ไข คือ การตัดงบดูงานต่างประเทศ คนที่พูดเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ใคร เป็นนักการเมืองซีกฝ่ายค้านในสมัยที่เพิ่งผ่านมานี่เอง
หากยังจำกันได้ช่วงหนึ่งเราได้เห็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัตินำคณะไปดูงานที่รัฐสภาอังกฤษ ก่อนสุดท้ายไปจบการดูงานที่สนามแอนฟิลด์ของทีม ลิเวอร์พูล พร้อมอุปกรณ์การดูงานครบเซ็ต ไม่ว่าจะเป็นหมวก ผ้าพันคอลาย “หงส์แดง” แม้จะมีการออกมาแก้ต่างกันว่าดูงานจริง ส่วนที่เหลือก็ใช้งบส่วนตัวเข้าสนามชมฟุตบอล เอาตรงๆ ใครจะเชื่อขนาดมีคลิปเสียงหลุดกันสนั่นเมืองยังลอยหน้าลอยตากอดเก้าอี้ไม่ลุกไปไหนกันได้เลย
ในวงการกีฬาเรื่องราวการดูงานนั้นมีเยอะ และมีมาก โดยเฉพาะหน่วยงานที่ดูแลด้านกีฬาของชาติบางหน่วยงานปีหนึ่งไปดูงานต่างประเทศกันหลายครั้ง ไปดูสโมสรฟุตบอลในต่างประเทศก็บ่อย ถามว่าทำไมถึงรู้ ก็แหม...ตอนไปนี่เขาหนีบสื่อมวลชนใกล้ชิดไปด้วย เพื่อจะได้ช่วยกันกระจายข่าวว่าเขาไปทำงาน ไปดูสนามนั้น ดูสนามนี้ จากนั้นนักข่าวพวกนี้ก็ส่งข่าวมาให้สื่อทั้งหลายที่ไม่ได้ไปช่วยกันแชร์ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์, โทรทัศน์, วิทยุ และสื่อออนไลน์ตามแต่ความสัมพันธ์ที่เคยช่วยเหลือกันมาแต่เก่าก่อน (ที่เอามาพูดนี่ไม่ได้อิจฉา หรืออยากจะไปกับเขาหรอกครับ บังเอิญผมเป็นโรคกลัวเครื่องบิน แค่เห็นบินผ่านหัวก็เกิดอาการวิงเวียนจนท้องไส้ปั่นป่วนแล้ว)
ล่าสุด มีผู้บริหารหน่วยงานกีฬาชาติท่านหนึ่ง นำคณะเจ้าหน้าที่ พร้อมทีมสื่อมวลชนเดินทางไปชมสนามในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน ถึง 4 ตุลาคมปีนี้ เพื่อเยี่ยมชมความพร้อมในการจัดการแข่งขัน ก็เดินชมเมนสเตเดียม ที่จะใช้ในพิธีเปิด ในรายงานระบุว่าใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี งบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท จุผู้ชมได้ 62,000 คน และส่วนอีกวันก็นำชมสนามกีฬาทางน้ำ ปัก แท ควอน ที่จะใช้แข่งขันว่ายน้ำ และกระโดดน้ำเป็นหลัก
จากนั้นก็มีการสรุปว่าการเดินทางไปดูงานครั้งนี้ ได้รับประโยชน์อเนกอนันต์ เพราะได้เห็นการเตรียมพร้อมของเจ้าภาพ และเชื่อว่าจะเป็นมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ที่ถูกจารึกว่าจะประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดยเฉพาะแนวความคิดที่ใช้ในการลงทุนสร้างสนามแข่งขันที่เป็นการแบ่งจ่ายระหว่างภาครัฐ กับ เอกชน คนละครึ่ง
นั่นเป็นทั้งหมดที่ผมพอจะสรุปได้จากการดูงานในครั้งนี้แบบหยาบๆ ใจจริงก็ไม่อยากขัด แต่ผมมองว่าในวาระครบรอบ 50 ปี ของหน่วยงานที่ได้รับการขนานนามกันมานมนานเหลือเกินว่ามีชื่อย่อมาจากคำว่า “กินกับเที่ยว” นั้น อาจจะต้องมีการปฏิรูปตัวเองบ้างเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมางบประมาณด้านกีฬาชาติไม่ใช่น้อยๆ อีกทั้งสนามกีฬาภายใต้การดูแลของตัวเองก็มีอยู่ทุกภูมิภาค เดินทางไปดูงานกีฬาต่างประเทศก็บ่อยเหลือเกิน แต่ไหงสนามบางสนามกีฬาในบ้านเราแค่สร้างให้แตกต่างกันยังทำไม่ได้เลย แถมสร้างเสร็จ จัดงานเสร็จ ก็ปล่อยให้เป็นสนามเลี้ยงวัวไปเสียอย่างนั้น แล้วแบบนี้จะไปดูงานกันทำไมให้มันเปลืองภาษีชาวบ้านเขา ... ถามจริง
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ระหว่างที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้การบริหารงานของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ “คสช.” เรื่องราวต่างๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขสมัยนักการเมืองผู้อ้าปากสำรากแต่คำว่าประชาธิปไตยได้ ก็กลายมาเป็นปัญหาให้คณะผู้ปกครองในเครื่องแบบทหารสะสางดูแลแก้ไข ตั้งแต่เรื่องทั่วไป ยันโครงสร้างของประเทศ ทีนี้เรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องที่มีคนเรียกร้องให้ปรับเปลี่ยนแก้ไข คือ การตัดงบดูงานต่างประเทศ คนที่พูดเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ใคร เป็นนักการเมืองซีกฝ่ายค้านในสมัยที่เพิ่งผ่านมานี่เอง
หากยังจำกันได้ช่วงหนึ่งเราได้เห็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัตินำคณะไปดูงานที่รัฐสภาอังกฤษ ก่อนสุดท้ายไปจบการดูงานที่สนามแอนฟิลด์ของทีม ลิเวอร์พูล พร้อมอุปกรณ์การดูงานครบเซ็ต ไม่ว่าจะเป็นหมวก ผ้าพันคอลาย “หงส์แดง” แม้จะมีการออกมาแก้ต่างกันว่าดูงานจริง ส่วนที่เหลือก็ใช้งบส่วนตัวเข้าสนามชมฟุตบอล เอาตรงๆ ใครจะเชื่อขนาดมีคลิปเสียงหลุดกันสนั่นเมืองยังลอยหน้าลอยตากอดเก้าอี้ไม่ลุกไปไหนกันได้เลย
ในวงการกีฬาเรื่องราวการดูงานนั้นมีเยอะ และมีมาก โดยเฉพาะหน่วยงานที่ดูแลด้านกีฬาของชาติบางหน่วยงานปีหนึ่งไปดูงานต่างประเทศกันหลายครั้ง ไปดูสโมสรฟุตบอลในต่างประเทศก็บ่อย ถามว่าทำไมถึงรู้ ก็แหม...ตอนไปนี่เขาหนีบสื่อมวลชนใกล้ชิดไปด้วย เพื่อจะได้ช่วยกันกระจายข่าวว่าเขาไปทำงาน ไปดูสนามนั้น ดูสนามนี้ จากนั้นนักข่าวพวกนี้ก็ส่งข่าวมาให้สื่อทั้งหลายที่ไม่ได้ไปช่วยกันแชร์ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์, โทรทัศน์, วิทยุ และสื่อออนไลน์ตามแต่ความสัมพันธ์ที่เคยช่วยเหลือกันมาแต่เก่าก่อน (ที่เอามาพูดนี่ไม่ได้อิจฉา หรืออยากจะไปกับเขาหรอกครับ บังเอิญผมเป็นโรคกลัวเครื่องบิน แค่เห็นบินผ่านหัวก็เกิดอาการวิงเวียนจนท้องไส้ปั่นป่วนแล้ว)
ล่าสุด มีผู้บริหารหน่วยงานกีฬาชาติท่านหนึ่ง นำคณะเจ้าหน้าที่ พร้อมทีมสื่อมวลชนเดินทางไปชมสนามในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน ถึง 4 ตุลาคมปีนี้ เพื่อเยี่ยมชมความพร้อมในการจัดการแข่งขัน ก็เดินชมเมนสเตเดียม ที่จะใช้ในพิธีเปิด ในรายงานระบุว่าใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี งบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท จุผู้ชมได้ 62,000 คน และส่วนอีกวันก็นำชมสนามกีฬาทางน้ำ ปัก แท ควอน ที่จะใช้แข่งขันว่ายน้ำ และกระโดดน้ำเป็นหลัก
จากนั้นก็มีการสรุปว่าการเดินทางไปดูงานครั้งนี้ ได้รับประโยชน์อเนกอนันต์ เพราะได้เห็นการเตรียมพร้อมของเจ้าภาพ และเชื่อว่าจะเป็นมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ที่ถูกจารึกว่าจะประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดยเฉพาะแนวความคิดที่ใช้ในการลงทุนสร้างสนามแข่งขันที่เป็นการแบ่งจ่ายระหว่างภาครัฐ กับ เอกชน คนละครึ่ง
นั่นเป็นทั้งหมดที่ผมพอจะสรุปได้จากการดูงานในครั้งนี้แบบหยาบๆ ใจจริงก็ไม่อยากขัด แต่ผมมองว่าในวาระครบรอบ 50 ปี ของหน่วยงานที่ได้รับการขนานนามกันมานมนานเหลือเกินว่ามีชื่อย่อมาจากคำว่า “กินกับเที่ยว” นั้น อาจจะต้องมีการปฏิรูปตัวเองบ้างเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมางบประมาณด้านกีฬาชาติไม่ใช่น้อยๆ อีกทั้งสนามกีฬาภายใต้การดูแลของตัวเองก็มีอยู่ทุกภูมิภาค เดินทางไปดูงานกีฬาต่างประเทศก็บ่อยเหลือเกิน แต่ไหงสนามบางสนามกีฬาในบ้านเราแค่สร้างให้แตกต่างกันยังทำไม่ได้เลย แถมสร้างเสร็จ จัดงานเสร็จ ก็ปล่อยให้เป็นสนามเลี้ยงวัวไปเสียอย่างนั้น แล้วแบบนี้จะไปดูงานกันทำไมให้มันเปลืองภาษีชาวบ้านเขา ... ถามจริง
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *