xs
xsm
sm
md
lg

“คิง เพาเวอร์” ทุ่มงบอีก 800 ล้านบาท ผุดชอป “เลสเตอร์ อะคาเดมี่” (ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“วิชัย ศรีวัฒนประภา” (กลาง) ประธานกลุ่มคิงเพาเวอร์
ASTVผู้จัดการรายวัน - “คิง เพาเวอร์” เตรียมงบอีก 800 ล้านบาทสร้างแกร่ง “เลสเตอร์ ซิตี้” จัดแคมเปญส่งเด็กไทยเข้า “อะคาเดมี” ที่อังกฤษ พร้อมเตรียมผุด “อะคาเดมี เลสเตอร์” ในไทย หวังดันเป็น “อะคาเดมี ฟุตบอล ฮับ เอเชีย” ลุยเจรจาค้าปลีกยักษ์เปิดชอปขายเมอร์ชันไดซ์

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธานสโมสรฟุตบอล “เลสเตอร์ ซิตี้” ประเทศอังกฤษ ของกลุ่มบริษัท “คิง เพาเวอร์” เปิดเผยว่า นับตั้งแต่กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ได้เข้าซื้อสโมสร “เลสเตอร์ ซิตี้” มาประมาณ 4 ปี โดยใช้งบประมาณลงทุนไปแล้วรวม 100 ล้านปอนด์ จนถึงวันนี้นับว่าได้บริหารงานจนพ้นตัวแดงและเริ่มมีกำไรเข้ามาบ้างแล้วประมาณ 7-8 ล้านปอนด์ ซึ่งถ้าบริหารจัดการอย่างดีและถูกต้องต่อไปจนทีมมีความแข็งแกร่งก็จะเป็นธุรกิจที่ดีได้ โดยล่าสุดสามารถคว้าแชมป์ “ลีกเดอะแชมเปียนชิป” และเลื่อนชั้นสู่ “พรีเมียร์ลีก” ได้ในเวลาเพียง 3 ปีครึ่งด้วยคะแนนสูงสุด 102 คะแนน เราจึงต้องสร้างสโมสรให้แข็งแกร่ง โดยทำควบคู่ไปกับความรักในกีฬาฟุตบอลของนายวิชัย ศรีวัฒนประภาประธานกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์

สำหรับแผนธุรกิจจากนี้ เตรียมทำโครงการ “จิ้งจอกสยาม อะคาเดมี่” โดยเปิดรับสมัครเยาวชนไทยทั่วประเทศอายุไม่เกิน 16 ปีจากทั้ง 5 ภาค รอบแรก จำนวน 110 คน และคัดเลือกรอบสุดท้ายโดยมีเจ้าหน้าที่จาก “เลสเตอร์ อะคาเดมี” ประเทศอังกฤษ เป็นผู้คัดเลือกเหลือ 16 คนที่จะได้รับสิทธิ์เข้าไปอยู่ใน “เลสเตอร์ อะคาเดมี” ประเทศอังกฤษนาน 2 ปีครึ่ง ตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.57 ใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับธุรกิจต่างๆ ที่สนใจจะร่วมสนับสนุน โดยตั้งเป้าหมายประมาณ 10 ราย แต่ยังไม่ได้สรุปอย่างเป็นทางการ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ และกลุ่มทรู เป็นต้น
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” รองประธานสโมสร “เลสเตอร์ ซิตี้” ของกลุ่มคิง เพาเวอร์
นายอัยยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนเฟสต่อไปมีแผนจะสร้าง “เลสเตอร์ อะคาเดมี” ในประเทศไทย โดยเปิดรับสมัครเยาวชนจากประเทศต่างๆ เข้ามารับการฝึกในอะคาเดมีแห่งนี้เพื่อผลิตนักฟุตบอลดีออกสู่ตลาด โดยขณะนี้มีที่ดินเตรียมไว้ย่านสุวรรณภูมิกว่า 80 ไร่เพื่อใช้ในการสร้างทั้งที่พัก สนามฟุตบอล อาคาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยคาดว่าต้องใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 500-600 ล้านบาท สามารถรองรับเยาวชนเข้าร่วมโครงการประมาณ 200 คน โดยตั้งเป้าหมายให้เป็น “อะคาเดมี ฟุตบอล ฮับ” ของเอเชียให้ได้

นอกจากนั้น ยังจะขยายจุดจำหน่ายสินค้าเมอร์ชันไดซ์ “เลสเตอร์ ซิตี้ ชอป” เพิ่มเติมขึ้นอีก โดยขณะนี้เริ่มมีการเจรจากับกลุ่มค้าปลีกหลายรายแล้ว ทั้งการเปิดชอปและการวางขายสินค้าในเคาน์เตอร์จากปัจจุบันที่มีใน “คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี” ชอปรางน้ำ พัทยา สุวรรณภูมิ และล่าสุดคือชอป “บีทีเอส สยาม” ซึ่งเพิ่งเปิดบริการเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายได้เฉลี่ย 5-6 หมื่นบาทบาทต่อวัน แบ่งเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย 80% และประเทศอังกฤษ 20% โดยปัจจุบันในประเทศไทยมีแฟนคลับ “เลสเตอร์ ซิตี้” เพิ่มขึ้นมากกว่า 5 หมื่นคนแล้ว

“เหตุผลที่เราซื้อสโมสรฟุตบอลและทำอะคาเดมี เหมือนกับการทำซีเอสอาร์อีกรูปแบบหนึ่งและได้ผลในเชิงธุรกิจด้วย เพราะถ้าเราใช้เงิน 100 ล้านปอนด์ซื้อโรงแรม กว่าจะทำกำไรได้ต้องใช้เวลาประมาณ 15-20 ปี หรือหากลงทุนซื้อโรงแรม 50 แห่งในอังกฤษก็คงจะไม่มีใครรู้จัก คิง เพาเวอร์ เท่ากับซื้อสโมสรฟุตบอล ยิ่งตอนนี้ เลสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นชั้นพรีเมียร์ลีกแล้วด้วย เวลาคนต่างชาติพูดกันก็จะบอกว่า แมนฯ ยู เป็นของคนอเมริกัน ลิเวอร์พูลก็เป็นของอเมริกัน เชลซีเป็นของรัสเซีย เลสเตอร์ซิตี้ เป็นของไทย เขาไม่พูดว่าเป็นของ คิง เพาเวอร์ แต่พูดเป็นชื่อของประเทศไทย ทำให้คนต่างชาติรู้จักประเทศไทยมากขึ้นและเข้ามาท่องเที่ยวมาชอปปิ้งมากขึ้น คิง เพาเวอร์ ก็ได้รับผลดีไปด้วย โดยไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน” นายอัยยวัฒน์ กล่าวในที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น