การเมืองมั่นคง ส่งโค้งท้ายปีอีเวนต์ฟื้นตัว ลูกค้าพร้อมอัดงบลุยการตลาด “บลู มีเดีย” ผู้นำด้านเทคโนโลยีโพรวายเดอร์ ผนึก “แอลจี” ส่งตู้เย็นหน้าจอดิจิตอลโปร่งแสงลุยสื่ออินสโตร์ เชื่อปีหน้ากลับมาโต 20% ส่งรายได้บริษัทพุ่ง 150% หรือกว่า 300 ล้านบาท
นายเกรียงกาญจน์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ในช่วงไตรมาสสี่มั่นใจว่าจะกลับมาดีขึ้นอย่างมาก หลังจากที่ช่วงต้นปีส่วนใหญ่จะติดลบ ส่วนสำคัญมาจากความมั่นคงทางการเมืองและการที่ประเทศไทยได้รัฐบาลใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศ ในส่วนของ “อินเด็กซ์” จากครึ่งปีแรกที่งานอีเวนต์หายไปเช่นเดียวกับสภาพตลาด เชื่อว่าในช่วงไตรมาสสี่จะกลับมาฟื้นตัวและมีรายได้ครอบคลุมจากช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้
ด้าน นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางสื่อดิจิตอลกำลังเป็นที่น่าจับตามอง จากการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงจากเดิมและก้าวทันเทคโนโลยีมากขึ้น มีการสื่อสารได้สองทางและมีความเป็น “อินเตอร์แอ็กทีฟ มีเดีย” มากขึ้น ทำให้สื่อดิจิตอลได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยเฉพาะในสื่อ “อินสโตร์” ที่พบว่า 75% ของผู้บริโภคที่พบเห็นโฆษณา ณ จุดขายจะตัดสินใจซื้อสินค้าแบรนด์นั้นๆ ทันที ส่งผลให้ บริษัท บลู มีเดีย คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ รับผิดชอบดูแลในส่วนของเทคโนโลยีโพรวายเดอร์ได้พัฒนาและคิดค้นสื่อโฆษณา ณ จุดขายให้แก่ลูกค้ามาประมาณ 4-5 ปี
ล่าสุดจับมือกับ “แอลจี” พร้อมนำเสนอ “ดิจิตอลทรานส์ พาเร้นท์ ฟริดจ์” หรือตู้เย็นหน้าจอดิจิตอลโปร่งแสง มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและทำให้รายได้ของ บริษัท บลู มีเดีย คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง
นายบูรพาภรณ์ มุสิกสินธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บลู มีเดีย คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด กล่าวเสริมว่า แม้ว่าในภาพรวมสื่อนอกบ้านจะมีการเติบโตที่ลดลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่เป็นการลดลงจากการใช้เงินของสินค้าและเอเยนซี ขณะที่ในตัวสื่อกลับมีอัตราที่เติบโตขึ้นเนื่องจากมีการพัฒนาจากรูปแบบเดิมสู่รูปแบบดิจิตอลมีเดีย โดยเฉพาะสื่ออินสโตร์ซึ่งมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท มั่นใจว่าในปีหน้าจะโตขึ้นกว่า 20%
จากความร่วมมือกับ “แอลจี” ครั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทมีลูกค้ารายใหม่ๆ ที่พร้อมลงทุนและเลือกใช้ดิจิตอล ทรานพาเรนต์ ฟริดจ์ เพิ่มขึ้นทั้งในรูปแบบเช่าอุปกรณ์และร่วมทุน เช่น “ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต” สิ้นปีนี้จะติดตั้งเทคโนโลยีดังกล่าวกว่า 60 สาขาและคาดว่าจะครบทุกสาขาทั่วประเทศในปีหน้า รวมถึง “เทสโก้ โลตัส” และ “บิ๊กซี” ที่กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ของ “บลู มีเดีย” ในสิ้นปีนี้น่าจะทำได้ถึง 120 ล้านบาท จากการติดตั้งเทคโนโลยีดังกล่าวรวมกว่า 200 ยูนิตและเทคโนโลยีจอภาพอีก 160 จอ ขณะที่ปีหน้าจะติดตั้งเพิ่มอีก 400 ยูนิต และแบบจออีก 360 จอ มั่นใจว่าจะทำให้รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด หรือน่าจะมีรายได้ในปี 2558 ไม่ต่ำกว่า 230-300 ล้านบาท
นายบูรพาภรณ์กล่าวต่ออีกว่า บริษัทยังเตรียมนำเสนอเทคโนโลยีใหม่นี้ไปสู่ตลาดต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มเออีซี เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งในช่วงปลายปีนี้จะเริ่มเห็นได้ในสิงคโปร์เป็นที่แรก โดยโมเดลที่ทำในต่างประเทศนั้นจะเป็นการจับมือกับพาร์ตเนอร์เอเยนซี จับกลุ่มลูกค้าโมเดิร์นเทรดเป็นหลัก โดยบริษัทจะดูแลในส่วนของการวางเน็ตเวิร์ก เซอร์วิส หรือการขายไลเซนส์ เป็นหลัก
