ASTVผู้จัดการรายวัน - “เซ็นทรัล” ปรับกลยุทธ์กลุ่มซูเปอร์มาร์เกต ทยอยเลิกแบรนด์ “ท็อปส์ ซูเปอร์” ปรับสู่แบรนด์ “ท็อปส์ มาร์เก็ต” และ “ท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม” แล้วแต่สาขา พร้อมผุดโมเดลใหม่ “ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์” ผนึกแบรนด์ในเครือเซ็นทรัลร่วมพื้นที่ขาย ลั่นปีนี้ขอโต 10% ก็พอใจกับงบ 1,000 ล้านบาทในปีนี้
นายอลิสเตอร์ เทย์เลอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการปรับแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ที่มีหลายแบรนด์ โดยมุ่งไปที่แบรนด์ “ท็อปส์ ซูเปอร์” เป็นหลักเพื่อให้เกิดความชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนกันซึ่งจะพิจารณาจากความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาในแต่ละสาขาของท็อปส์ซูเปอร์ว่าสาขาใดมีความเหมาะสมที่จะเปลี่ยนไปเป็นแบรนด์ใด โดยสาขาที่มีกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสินค้าคุณภาพราคาดีก็จะปรับเป็น “ท็อปส์ มาร์เก็ต” ส่วนสาขาใดที่ผู้บริโภคในย่านนั้นยังต้องการเรื่องของความคุ้มค่า หรือแวลู มันนี (Value Money) ก็จะปรับเป็นร้าน “ท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม”
ปัจจุบันบริษัทฯ มี “ท็อปส์ ซูเปอร์” 32 สาขาที่เหมาะสมจะปรับเปลี่ยนซึ่งได้ปรับเป็น “ท็อปส์ มาร์เก็ต” แล้ว 9 สาขา เหลืออีก 23 สาขาจะปรับเป็น “ท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม” ภายในตุลาคมนี้คาดว่าแล้วเสร็จทั้งหมดโดยใช้งบประมาณปรับเปลี่ยน 1.5-3 ล้านบาทต่อสาขา
อย่างไรก็ตาม แผนงานทั้งปี 2557 จะลงทุนโดยรวม 1,000 ล้านบาท โดย 800 ล้านบาทใช้กับการลงทุนเปิดสาขาใหม่ และอีก 200 ล้านบาทใช้ในการรีโนเวต ตั้งเป้าหมายเปิดสาขาใหม่ทุกรูปแบบรวมกันปีนี้ 30 สาขา โดยปัจจุบันเปิดไปแล้ว 18 สาขา เหลืออีก 12 สาขาที่จะเปิดนับจากนี้
ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ มีโมเดลของธุรกิจ 7 แบบ ประกอบด้วย ร้านอีทไทย 1 สาขาที่เซ็นทรัลเอมบาสซี่, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ 5 สาขา, ท็อปส์ มาร์เก็ต 63 สาขา, ท็อปส์ ซูเปอร์ 18 สาขา (ซึ่งจะทยอยเลิกหลังปรับเปลี่ยนเร็วๆ นี้), ท็อปส์ เดลี่ 22 สาขา, ท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม รีเทล 20 สาขา, ท็อปส์ซูเปอร์คุ้ม โฮลเซลล์ 7 สาขา และท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ 1 สาขา รวมขณะนี้ 137 สาขา ถึงสิ้นปีนี้จะมี 148 สาขา
ล่าสุดคือการลงทุน 12 ล้านบาทเปิด “ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์” ซึ่งเป็นสาขาแรกและเป็นโมเดลใหม่ของบริษัทฯ โดยจะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ส.ค.ศกนี้ ณ ศูนย์การค้า “เซ็นทรัล พลาซา ศาลายา” โดยสาขาต่อไปจะเปิดที่ “เซ็นทรัล เวสต์เกต” จากนั้นยังวางแผนเปิดในรูปแบบนี้อีก 2-3 แห่งต่อปีโดยจะเน้นเปิดในศูนย์การค้าเซ็นทรัล บนพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร โดยยังไม่มีแผนเปิดสแตนด์ อะโลน นอกจากจะมีทำเลที่เหมาะสมจริงๆ
“การเลือกเปิดที่ศาลายาเป็นสาขาแรกเพราะเป็นศูนย์การค้าใหม่จึงสามารถเลือกพื้นที่ตามต้องการได้ และเมื่อพิจารณาจากตัวเลขลูกค้าที่มาซื้อสินค้าที่สาขาปิ่นเกล้าซึ่งมีมากถึง 32% ปรากฏว่าเป็นลูกค้าที่มาจากพุทธมณฑล 26% ซึ่งหมายความว่าประชากรย่านนี้มีความต้องการซื้อแต่ไม่มีสาขารองรับ โดยตั้งเป้าสาขาแรกจะทำยอดขาย 100 ล้านบาทต่อเดือน มีลูกค้าเข้าร้าน 300,000 คนต่อเดือน”
สำหรับ “ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์” นอกจากจะมีซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว ยังแตกต่างตรงที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในเครือเซ็นทรัลเปิดพื้นที่จำหน่ายในแต่ละกลุ่มอีกด้วย แบ่งเป็นโซนซูเปอร์มาร์เก็ต แบรนด์ “ท็อปส์ มาร์เก็ต” และการเพิ่มหมวดหมู่สินค้าเครื่องใช้อื่นๆ โดยใช้คำว่า “My” เป็นชื่อคอนเซ็ปต์ในโซนต่างๆ คือ My Media ที่รวบรวมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จาก เพาเวอร์บาย My Sport เครื่องกีฬาแบรนด์ดังจากร้าน “ซูเปอร์ สปอร์ต” My Office ที่มีเครื่องใช้สำนักงานต่างๆ จาก “ออฟฟิศ เมท” และ My Home แหล่งรวมสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้านจาก “โฮมเวิร์ค”
นอกจากนั้นยังมี My Fashion โซนสินค้าแผนกเสื้อผ้าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี My Kids แผนกเสื้อผ้าเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง My Baby แผนกเสื้อผ้าเด็กแรกเกิด My Gift แผนกของขวัญ My Kitchen แผนกเครื่องครัว My Beauty แผนกเครื่องสำอาง และ My Magazine แผนกแมกกาซีน โดยสินค้าที่คัดเลือกมานั้นส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ที่ไม่ซ้ำกันกับแบรนด์ที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า
นายอลิสเตอร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรกเติบโต 4% จากสาขาเดิม แต่ถ้ารวมทั้งบริษัทฯ เติบโต 9% ส่วนทั้งปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10%