ตลาด “แบรนด์เด็ด คอนเทนต์” เฟื่องสุดขีด ออนแอร์ไม่ต่ำกว่า 20 รายการ ทั้งไทย และเทศ จี้เอเยนซีเจ้าของสินค้าต้องปรับทิศทางการต่อสู้ “เจเอสแอล” ปั้น “คอนเทนต์ แล็บ” รุกตลาด วางเป้าผลิตขายต่างประเทศ และซื้อไลเซนส์มาผลิตในไทย คาดยอดบิลลิ่ง 250 ล้านบาท
นายนพกร ทองมั่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอนเทนท์ แล็บ จำกัด ในเครือ “เจเอสแอล” ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการโปรดักชัน และมีเดียเอเยนซีของไทย เปิดเผยว่า การแข่งขันในอุตสาหกรรมบันเทิง และโทรทัศน์ในเมืองไทยวันนี้มีความเข้มข้นมากขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะช่องทางการสื่อสารใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจึงทำให้มีผู้เข้าสู่ธุรกิจนี้มากขึ้น แต่มูลค่างบฯ ในอุตสาหกรรมโฆษณาเท่าเดิม หรือเพิ่มไม่มากนัก จึงส่งผลให้ผู้ลิตคอนเทนต์รายการต่างๆ ต้องปรับตัวและทำงานหนักมากขึ้น และต้องมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
“หลายสิบปีที่ผ่านมา เราอยู่ในจุดที่คอนเทนต์ และช่องทางสื่อสารมีจำกัดอย่างมาก ผู้ผลิต หรืออุตสาหกรรมการผลิตจะเป็นผู้กำหนดเนื้อหา และรูปแบบรายการบนพื้นฐานของธุรกิจแบบเดิมๆ คนดูจึงไม่มีทางเลือกมากในการเข้าถึงคอนเทนต์ แต่ตอนนี้อุตสาหกรรมทั้งระบบเปลี่ยนแปลงทั้งโครงสร้าง และฮาร์ดแวร์ จึงส่งผลต่อคอนเทนต์ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ในทางบวกอย่างชัดเจน และแน่นอนว่าย่อมต้องส่งผลต่อการโฆษณาที่ต่างมองหาเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพกว่างานโฆษณาเดิมๆ ทั่วไปแล้ว”
ทั้งนี้ นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ คือ การผลิต และบริหารลิขสิทธิ์รายการโทรทัศน์ฟอร์แมตต่างๆ จากต่างประเทศในประเทศไทย รวมถึงการสร้างสรรค์รายการฟอร์แมตต่างๆ ขึ้นมาเพื่อนำลิขสิทธิ์ไปขายในต่างประเทศ โดยทั้ง 2 รูปแบบนี้จะมีการทำแผนการตลาดเชิงกลยุทธ์ด้าน “แบรนด์เด็ด เอนเตอร์เทนเมนต์” (Branded Entertainment) เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานแบบครบวงจรให้เอเยนซี สถานีโทรทัศน์ และสินค้าแบรนด์ต่างๆ โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 2 ปีจะต้องมียอดบิลลิ่งประมาณ 250 ล้านบาท (บริษัทตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2556) มีรายการประมาณ 5 รายการในระยะเริ่มต้นให้แก่พันธมิตรสถานีโทรทัศน์ 5 ช่อง และตั้งเป้าที่จะผลิตรายการขายลิขสิทธิ์ในต่างประเทศ 1-2 รายการ และมีบิลลิ่งเพิ่มเป็น 2 เท่าใน 5 ปี พร้อมตั้งความหวังที่จะเป็นโปรดักชันเฮาส์ในเซกเมนต์ใหม่ๆ
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีรายการฟอร์แมตต่างๆ ที่สร้างสรรค์เองคือ “มาร์เทียล วอร์ริเออร์” ออกอากาศแล้วทางช่อง 7, รายการ “จูเนียร์ เบค ออฟ ไทยแลนด์” รายการแข่งขันทำขนมอบสไตล์เบเกอรี ของบีบีซี ประเทศอังกฤษ ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตรายการจะออกอากาศทางช่อง NOW26 วันอาทิตย์ที่ 5 ต.ค.ศกนี้, รายการ “ร้องสู้ไฟ คีพ ยัวร์ ไลท์ ไชน์นิ่ง” จะออกอากาศทางช่อง 7 วันที่ 4 ต.ค.ศกนี้ นอกนั้นอยู่ระหว่างการเจรจากับทางเจ้าของลิขสิทธิ์รายการในต่างประเทศอีกจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นายนพกร กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันรายการฟอร์แมตที่เป็นการสร้าง “แบรนด์เด็ด คอนเทนต์” (Branded Content) ในประเทศไทยมีจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 20 รายการ ซึ่งเป็นที่สนใจของตลาดและมีการเติบโตที่ดี โดยช่อง 3 เผยแพร่มากที่สุดกว่า 10 รายการ ส่วนช่อง 7 มีประมาณ 4-5 รายการ หรือมีมูลค่าตลาดเวลานี้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท และมีสินค้ามากกว่า 30 แบรนด์ที่ร่วมสนับสนุน โดยคาดว่าแต่ละแบรนด์ต้องใช้เม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทเป็นค่าเฉลี่ย โดยคาดว่า “กลุ่มยูนิลีเวอร์” ใช้งบประมาณมากที่สุดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท เพราะเป็นเจ้าของ 1 รายการคือ “ไทยแลนด์ ก็อต ทาเลนต์” และยังให้การสนับสนุนรายการอื่นๆ อีก
“หากมองในอดีตเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ประเทศไทยถือเป็นตลาดของแบรนด์เด็ด คอนเทนต์ ที่ใหญ่แห่งหนึ่งในเอเชีย โดยใช้เวลาไม่กี่ปีก็เป็นที่นิยม และมีการซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศเข้ามามาก แต่ปัจจุบันประเทศจีนถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแล้ว เพราะเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ โดยประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 4 รองจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ขณะที่เม็ดเงินลงทุนในไทยยังไม่มากเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา ที่มีต้นทุนผลิตต่อตอนอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท โดยในประเทศไทยรายการ ร้องสู้ไฟ คีพ ยัวร์ ไลท์ ไชน์นิ่ง จะเป็นรายการที่ลงทุนสูงที่สุดในไทยคือ 100 กว่าล้านบาท” นายนพกร กล่าว