xs
xsm
sm
md
lg

ส.อ.ท.เกาะติดแหล่งน้ำ จ.ระยอง ผวาปี 58 ขาดแคลน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ส.อ.ท.เกาะติดปริมาณน้ำในอ่างหลัก จ.ระยอง ใกล้ชิด ยังคงกังวลปี 2558 อาจเผชิญวิกฤตขาดแคลนน้ำภาคอุตสาหกรรมได้ แม้ฝนจะมาแต่ยังคงเป็นปริมาณสะสมไม่มาก ลุ้นสิ้นฤดูฝนช่วง ก.ย.-ต.ค.นี้ หากน้ำสะสมในอ่างหลักไม่ถึง 70% เสี่ยง เผยโรงงานกลางและใหญ่กว่า 70ราย เริ่มทยอยสำรองน้ำดิบไว้รับมือแล้ว

นายวีระพล พวงพิทยาวุฒิ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคเอกชนยังคงติดตามสถานการณ์น้ำในภาคตะวันออก โดยเฉพาะ จ.ระยอง อย่างใกล้ชิด เนื่องจากวิตกว่าอาจประสบปัญหาภัยแล้งที่จะส่งผลให้น้ำภาคอุตสาหกรรมขาดแคลนได้ในปี 2558 หากปริมาณน้ำในอ่างใหญ่ 3 แหล่งได้แก่ ดอกกราย หนองปลาไหล และคลองใหญ่ มีปริมาณน้ำสะสมรวมกันเมื่อสิ้นฤดูฝนไม่ถึง 70%

“จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่า ปริมาณน้ำฝนสูงสุด จ.ระยอง มักจะเกิดขึ้นในช่วง ก.ย.-ต.ค.ของทุกปี ซึ่งช่วงนี้ฝนมาคิดว่าจะเติมได้ 2-3 ล้านลูกบาศก์เมตร ประกอบกับเริ่มมีการผันน้ำจากอ่างประแสร์ เข้ามาเสริม หลังจากที่ต้องหยุดไปก่อนหน้าเพราะคันดินที่เชื่อมต่อกันพัง ส่งผลให้ปริมาณน้ำใน 3 อ่างที่มีอยู่เดิมเพียง 30% เริ่มเพิ่มเป็น 40% ซึ่งปีนี้คงไม่มีปัญหาอะไรแต่จะให้มั่นใจยาวไปถึงฤดูฝนปีหน้าอีกครั้งน้ำจะต้องมากกว่านี้ก็ยังคงต้องติดตามใกล้ชิด” นายวีระพล กล่าว

นายมนต์ชัย รัตนะ ผู้อำนวยการสถาบันน้ำเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้ร่วมกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการน้ำ หรือวอร์รูม เพื่อเฝ้าติดตามปริมาณน้ำในภาคตะวันออกอย่างใกล้ชิด แม้ว่าปริมาณฝนที่ตกล่าสุดอยู่ในขณะนี้จะส่งผลให้เริ่มมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำหลักได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่มากจนทำให้ไว้ใจได้ 100% ดังนั้น ขณะนี้ภาคเอกชนโดยเฉพาะโรงงานในพื้นที่ จ.ระยอง ขนาดกลางและใหญ่กว่า 70 ราย ได้ทยอยสำรองน้ำดิบไว้บ้างแล้ว

“ส.อ.ท.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังสมาชิกกว่า 70 รายก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเป็นผู้ใช้น้ำรายใหญ่ในภาคตะวันออก เช่น กลุ่มปิโตรเคมี โรงกลั่น ไฟฟ้า ฯลฯ ให้เริ่มสำรองน้ำดิบเพราะกลุ่มนี้ใช้น้ำมากหากถึงเวลาวิกฤตจริงอาจจะเตรียมตัวไม่ทัน ส่วนระยะต่อไปเอกชนควรต้องมุ่งเน้นการใช้น้ำอย่างประหยัด โดยเฉพาะการนำน้ำเสียมาบำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ กรณีโรงงานที่เคยนำน้ำไปชำระล้างเครื่องจักร อุปกรณ์ก็จะต้องส่งเสริมให้นำน้ำที่บำบัดแล้วมาใช้แทนเพื่อลดการใช้น้ำลง” นายมนต์ชัย กล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชนยังไม่คลายกังวลต่อปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 ได้เนื่องจากสัญญาณน้ำในอ่างหลัก การผันน้ำจากอ่างประแสร์เข้ามาเสริมไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้โดยต่ำกว่าแผนเกือบ 40% ซึ่งการสูบน้ำจากประแสร์ที่ล่าช้ากว่าแผนทำให้เมื่อหมดฤดูฝนก็ยากที่จะไปขอมาได้เพิ่ม เพราะก็จะต้องคำนึงถึงเกษตรกร และครัวเรือนซึ่งอาจเกิดการแย่งชิงน้ำได้ โดยปัจจุบันทั้ง 3 ส่วนคือ อุตสาหกรรม เกษตร และครัวเรือนนี้มีการใช้น้ำอยู่ประมาณวันละ 1 ล้าน ลบ.ม. เป็นภาคอุตสาหกรรมประมาณ 3 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น