ASTVผู้จัดการรายวัน - ช่อง 3 ดื้อตาใส อ้างสารพัดเหตุผล ยืนยันเดินตามแผนธุรกิจเดิมที่วางไว้ ออกอากาศภาคพื้นดินไปจนหมดสัมปทานปี 2563 แต่พร้อมหารือ กสทช. หาทางออกร่วมกัน ย้ำชัดไม่ได้ใช้ช่องโหว่ทางกฏหมายเพื่อหาประโยชน์ส่วนตน ชี้ ช่อง 3 ไม่ใช่ตัวแปรหลักในการทำให้ทีวีดิจิตอลทรุด ควรมุ่งไปที่การปรับปรุงโครงข่าย แจกกล่อง และคอนเทนต์ที่ดีจะช่วยให้ทีวีดิจิตอลกลับมาโตได้เร็ววัน ย้ำหากช่อง 3 ออกคู่ขนาน หรืออยู่ในช่องใดช่องหนึ่งบนทีวีดิจิตอลช่องอื่นตายหมด
นายสุรินทร์ กฤติยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยว่า ตามที่ทางช่อง 3 ได้ออกคำชี้แจงเหตุผลที่ยังไม่ออกอากาศคู่ขนานกับทีวีดิจิอตลซึ่งมีอยู่ 8 ข้อในรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นแนวทางที่ชัดเจนของช่อง 3 ว่าจะยังคงดำเนินธุรกิจตามแผนเดิมที่วางไว้ตั้งแต่ต้น โดยจะยังคงออกอากาศในระบบภาคพื้นดินตามสัญญาสัมปทานที่ทำไว้กับช่อง 9 และจะหมดสัญญาลงในปี 2563 จึงจะย้ายไปอยู่บนแพลทฟอร์มทีวีดิจิตอล
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เล็งเห็นความสำคัญกับทีวีดิจิตอลที่มองเป็นโอกาสในอนาคตเช่นกัน จึงได้ประมูลมาถึง 3 ช่องด้วยเม็ดเงินถึง 6,000-7,000 ล้านบาท สูงที่สุดของผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด ดังนั้นหาก คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต้องการให้ช่อง 3 ออกอากาศคู่ขนานกับทีวีดิจิตอลเร็วกว่าแผนที่บริษัทฯ วางไว้ ช่อง 3 ก็พร้อมที่จะหารือด้วยโดยยังคงไว้ที่แผนเดิมอย่างที่กล่าวไว้เบื้องต้น โดยขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณ หรือถูกเรียกตัวให้เข้าร่วมพูดคุยกับ กสทช. แต่อย่างใด
“ช่วงที่มีการประมูลช่องทีวีดิจิตอลไม่ได้มีกฏออกมาว่าจะต้องให้ฟรีทีวีที่ออกอากาศอยู่ต้องออกคู่ขนานกับทีวีดิจิตอล ขณะที่ ช่อง 3 ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น การที่จะให้ช่อง 3 ออกคู่ขนานไปกับทีวีดิจิตอลจึงไม่ใช่แผนที่บริษัทฯ วางไว้ ยกเว้นหากทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นได้เร็วและมีความพร้อมในหลายด้าน เช่น โครงข่าย การเข้าถึงผู้ชม ช่อง 3 ก็อาจจะย้ายไปอยู่บนช่องทีวีดิจิตอลได้เร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ แต่การจะให้ใครมาชี้ให้ช่อง 3 ต้องออกคู่ขนานทีวีดิจิตอลนั้นคงทำไม่ได้ ที่สำคัญบริษัทดำเนินธุรกิจไปตามกฏหมายและข้อบังคับ ไม่ได้ใช้ช่องว่างทางกฏหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งช่อง 3 ยินดีที่จะเข้าร่วมปรึกษากับ กสทช. โดยมองว่าพื้นฐานของการหารือกันครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้ แต่ควรเป็นการหาทางออกร่วมกัน” นายสุรินทร์ กล่าว
*** ทีวีดิจิตอลไม่เกิด เหตุแจกคูปองล่าช้า ***
ปัญหาของธุรกิจทีวีดิจิตอลที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่ช่อง 3 เป็นหลัก แม้ว่าฟรีทีวีที่ออกอากาศภาคพื้นดินจะเข้าถึงกลุ่มผู้ชมหลักของประเทศก็ตาม แต่กว่า 70% ของผู้ชมทั้งประเทศสามารถรับชมช่อง 3 อะนาล็อกและช่องทีวีดิจิตอลทั้ง 24 ช่องได้ทางเคเบิลทีวีและดาวเทียมอยู่แล้ว ซึ่งมีเพียง 30% เท่านั้นที่ไม่สามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้ โดยกลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่รับชมผ่านช่องทางเสาก้างปลา หรืออาจเป็นกลุ่มที่ยินดีที่จะรับชมในแบบที่เป็นอยู่ไม่ได้ต้องการการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว
ดังนั้นการที่จะกล่าวว่าช่อง 3 ทำให้ทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นได้ช้าจึงไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ กสทช. ควรมุ่งเร่งปรับปรุงโครงข่ายให้ครอบคลุมทั้งประเทศและเร่งแจกคูปองเพื่อให้ประชาชนนำไปซื้อกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงระบบจากอะนาล็อกไปสู่ทีวีดิจิตอลอย่างถูกต้อง ที่สำคัญผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิตอลควรมุ่งให้ความสำคัญในการพัฒนาคอนเทนต์ของตัวเองให้ดีและตอบโจทย์ผู้ชมเพื่อนำมาซึ่งเรตติ้งรายการและรายได้ ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ต่างหากที่จะทำให้ทีวีดิจิตอลเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น ไม่ได้ล่าช้าอย่างที่เป็นอยู่
“ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลควรมุ่งให้ความสำคัญกับคอนเทนต์จึงจะทำให้เกิดเรตติ้งและรายได้ตามมา และการที่จะให้ช่อง 3 ออกคู่ขนาน หรือย้ายไปอยู่บนแพลทฟอร์มทีวีดิจิตอลในเวลานี้ก็ไม่ใช่ทางออก เพราะหากช่อง 3 ไปจริง ช่องอื่นก็จะตายหมด เพราะอย่าช่อง 3 อยู่บนธุรกิจทีวีมานาน มีคอนเทนต์ที่แข็งแกร่ง มีความได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องเร่งแผน หากทุกอย่างยังไม่ชัดเจน ไม่เกี่ยวกับการลงทุนแต่ขึ้นอยู่กับแนวทางและความสามารถในการขายคอนเทนต์ แต่สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ควรรีบสร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องและให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ แม้ในระยะแรกอาจจะขาดทุนบ้าง แต่ก็เป็นธรรมชาติของธุรกิจนี้จากที่ประเมินกันไว้อยู่แล้วว่าในช่วง 2-3 ปีแรกจะต้องขาดทุน”
*** โว “เอเจนซี่” ยังเชื่อใจช่อง 3 ***
นายสุรินทร์ กล่าวต่อว่า ผลจากปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีเสียงไม่พอใจ หรือแรงกดดันจากทางผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลแต่อย่างใด ส่วนในแง่ของเอเจนซี่โฆษณาระยะแรกที่ผ่านมาอาจจะมีวิตกกังวลบ้าง ซึ่งทางช่อง 3 ได้ชี้แจงถึงแนวทางที่ชัดเจนอยู่แล้วและหากจะต้องมีปัญหาจอดำเกิดขึ้นจริงก็พร้อมที่จะรับผิดชอบกับเอเจนซี่ที่ซื้อโฆษณาไว้ โดยลูกค้ายังพร้อมให้ความมั่นใจและซื้อโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันช่อง 3 ยังคงเดินตามผังรายการเดิม ไม่ได้มีการปรับอะไร ถึงสิ้นปียังเชื่อมั่นว่า ช่อง 3 จะยังมีรายได้เติบโต 20% ตามแผนที่วางไว้
*** กางแผนลุยทีวีดิจิตอลปี 58 ***
ส่วนแผนการลงทุนใน 3 ช่องทีวีดิจิตอลที่ประมูลมานั้นในปีแรกจะไม่เน้นการลงทุน เพียงประคองตัวให้อยู่ได้เท่านั้น จากเดิมในช่วงเดือน ต.ค.57 จะมีการนำเสนอรายการใหม่มากยิ่งขึ้น แต่หลังจากพบความล่าช้าในธุรกิจนี้ทำให้ต้องเลื่อนแผนออกไปเป็นต้นปี 2558 โดยจะมีการนำเสนอรายการใหม่ๆ ทั้ง 3 ช่อง คิดเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% ของเวลาการออกอากาศตลอดทั้งวัน เช่น ช่อง 3SD จะเน้นรายการประเภทวาไรตี้ ที่เป็นรายการฟอร์เมทจากต่างประเทศที่ช่อง 3 ซื้อมาไว้หลายรายการ ส่วน ช่อง 3HD จะเน้นรายการประเภทกีฬาดังที่ได้ซื้อลิขสิทธิ์มา เช่น ฟุตบอลยูโร หรือฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่จับมือกับ “ซีทีเอช” เป็นต้น โดยคาดหวังว่าสิ้นปี 58 รายได้จากกลุ่มช่องทีวีดิจิตอลน่าจะทำได้ 10-15% เมื่อเทียบกับ ช่อง 3 อะนาล็อก จากที่ปีนี้มีรายได้ไม่ถึง 5%
*** อสมท ติดตั้งโครงข่ายเสร็จอีก 3 จังหวัด ***
ด้าน นายชลิต ลายลิขิต รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ดูแลด้านวิศวกรรมโครงข่าย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การติดตั้งโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิตอลใน 3 จังหวัดที่ดำเนินการล่าช้า ได้แก่ จ.อุบลราชธานี จ.อุดรธานี และ จ.สิงห์บุรี ให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ส.ค.57 นั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นและดำเนินการออกอากาศแล้ว มั่นใจว่าจะเร่งขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 90 ของประเทศได้เร็วที่สุดแน่นอน