xs
xsm
sm
md
lg

“ซัมซุง” โหมเจาะตลาด B2B ตั้งเป้าทำรายได้ 23% ทั่วโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“บุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ” รองประธานธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด
เผยมูลค่าตลาดโลกพุ่งทะลุ 1.81 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เร่งเดินหน้าทำตลาดหวังเพิ่มสัดส่วนเป็น 23% ของรายได้ทั่วโลกในปี 2563 เตรียมคลอดสินค้าเฉพาะกลุ่ม “Lucky Drive Tablet” ทนทุกสภาวะการใช้ ตอบโจทย์ลูกค้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มลูกค้าที่มีการใช้งานกลางแจ้ง พร้อมอัดงบฯ การตลาดในไทยเน้นจัดอีเวนต์ปี 57 ร่วม 70 งาน หลังมีลูกค้ากว่า 2.6 พันราย เพิ่มขึ้น 30% จากปี 56

นายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธานธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจลูกค้าองค์กร (B2B) ในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องมีการพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น โดยผู้บริโภคเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบทบาทมาเป็นผู้ที่กำหนดเทรนด์ต่างๆ เอง (Consumerization of IT) โดยมีการนำดีไวซ์ของตนเองมาใช้ในการทำงานมากขึ้น ทั้งโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และอื่นๆ เพราะง่ายต่อการทำงานและการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกัน บทบาทของเทคโนโลยีในทางธุรกิจก็เปลี่ยนแปลงไป (Technology Revolution of Business Model) โดยไม่ได้เป็นเพียงหน่วยสนับสนุนของธุรกิจเท่านั้น แต่กลายเป็นหัวใจสำคัญของทุกโมเดลธุรกิจที่จะสามารถชี้ขาดความสำเร็จได้

ตลาดลูกค้าองค์กรมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่มาก โดยประมาณว่าปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมทั่วโลกประมาณ 1.81 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแม้ว่าปัจจุบัน “ซัมซุง” ยังคงถือเป็นผู้นำตลาด แต่ก็มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ธุรกิจลูกค้าองค์กรมีสัดส่วนรายได้ 23% ของรายได้รวมทั่วโลกภายในปี 2563 โดยเน้นกลุ่มลูกค้า 5 กลุ่ม คือ ธุรกิจค้าปลีก สถาบันการเงินและประกันภัย โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา และหน่วยงานราชการ

สำหรับการทำตลาดในประเทศไทยมีการขยายกลุ่มลูกค้าเป็น 8 กลุ่ม โดยเพิ่มลูกค้ากลุ่มธุรกิจองค์กร ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโรงแรม โดยล่าสุดมีการลงทุน 21 ล้านบาทในการเปิดตัว “Samsung Business Solutions Center” ขนาดพื้นที่ 170 ตารางเมตร ชั้นที่ 33 อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ถ.สาทร กรุงเทพฯ เพื่อใช้เป็นห้องสาธิตการใช้ผลิตภัณฑ์ซัมซุงครบทุกหมวดหมู่ให้แก่ลูกค้าองค์กรกลุ่มเป้าหมายและกลุ่มลูกค้าที่สนใจได้เข้าชมและทดลองใช้งานจริง โดยมีทีมงานคอยแนะนำอย่างใกล้ชิด

“บริษัทฯ เริ่มทำตลาดลูกค้าองค์กรในไทยเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2557 เริ่มมีการรุกตลาดลูกค้าองค์กรมากขึ้นด้วยการจัดงบประมาณ 10% ของรายได้รวมในการทำการตลาดออนไลน์และจัดกิจกรรม รวมถึงงานอีเวนต์ต่างๆ ประมาณ 70 งาน เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ซึ่งมีเพียง 40 งาน โดยล่าสุดได้มีการจัดงานต่างๆ ไปแล้วประมาณ 40 งาน จนส่งผลให้ปัจจุบันมีฐานลูกค้าประมาณ 2.6 เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2556 ซึ่งมีประมาณ 2 พันราย โดยกลุ่มลูกค้าที่มีการขยายตัวสูงสุดคือลูกค้ากลุ่มธุรกิจองค์กร ขณะที่หน่วยงานราชการมีประมาณ 20% โดยสามารถทำรายได้สูงสุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอยู่ในอันดับต้นๆ ของซัมซุงโลก ทั้งยังมีอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดรวมอีกด้วย”

นายบุญเลิศกล่าวด้วยว่า บริษัทฯ มีจุดเด่นในการทำตลาดลูกค้าองค์กรด้วยการตอบโจทย์ทางธุรกิจใหม่ๆ ของลูกค้า โดยเน้นเรื่อง Technology Convergence คือการเชื่อมโยงและผสานนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้าอุปกรณ์การใช้งานต่างๆ ซึ่งถือได้ว่า “ซัมซุง” มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและครอบคลุมมากที่สุด โดยปัจจุบันมีสิทธิบัตรทางด้านเทคโนโลยีมากเป็นอันดับหนึ่งในยุโรป และเป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา

อนึ่ง “ซัมซุง” มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับตลาดลูกค้าองค์กรโดยเฉพาะเป็นครั้งแรกภายใน 1.5 เดือนนับจากนี้คือ “Lucky Drive Tablet” ซึ่งเป็นแท็บเล็ตที่มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ทนทานในสภาวะต่างๆ ทั้งกันน้ำ กันกระเทือน กันแสงแดดจัด และสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือกลุ่มลูกค้าที่มีการใช้งานกลางแจ้งเป็นหลัก โดยในอนาคตอันใกล้จะเน้นทำตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นคือ กลุ่มธุรกิจพลังงาน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และอื่นๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น