xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐีค้าเพชรทุ่มงบพันล้าน ! ผุด “เดอะเซ้นส์ ปิ่นเกล้า คอมมูนิตี้มอลล์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เศรษฐีค้าเพชรทุ่มพันล้านบาทรุกค้าปลีก ผุด “เดอะเซ้นส์ คอมมูนิตี้มอลล์” ย่านปิ่นเกล้า ไม่หวั่นยักษ์ เซ็นทรัล เทสโก้ โลตัส เมเจอร์ฯ เจ้าถิ่น เผยลูกค้าเช่าพื้นที่แล้ว 85%

นางสาวพจนีย์ พินิจศักดิ์กุล รองกรรมการผู้จัดการ โครงการ “เดอะเซ้นส์ ปิ่นเกล้า คอมมูนิตี้มอลล์” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ใช้งบประมาณรวม 1,000 ล้านบาทในการพัฒนาโครงการซึ่งรวมค่าที่ดินด้วยในการพัฒนาโครงการเดอะเซ้นส์คอมมูนิตี้มอลล์ซึ่งเป็นโครงการแรกของครอบครัวที่พัฒนาขึ้นมา ซึ่งเดิมทีเป็นที่ดินที่ตั้งของร้าน ป.กุ้งเผา และบริษัทฯ ไปประมูลมาจากเจ้าของเดิม แล้วปล่อยให้ร้าน ป.กุ้งเผา เช่าต่ออีกจนครบสัญญาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มาทำโครงการดังกล่าว บนพื้นที่ 6.5 ไร่ รวมพื้นที่โครงการ 30,000 ตารางเมตร แต่มีพื้นที่ขายร้านค้า 8,000 ตารางเมตร สูง 5 ชั้น จอดรถได้ 500 คัน ซึ่งคาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 8 ปี

“ที่ดินแปลงนี้เดิมทีคิดหลายแบบว่าจะลงทุนทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ หรือโรงแรม แต่สุดท้ายนำมาพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ เนื่องจากจะมีความเหมาะสมมากกว่า เพราะย่านนี้มีคอนโดมิเนียมจำนวนมากแล้ว ขณะที่ค้าปลีกนั้นแม้มีมาก แต่ของเราเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่แตกต่างจากเดิมทั้งเซ็นทรัลที่เป็นศูนย์การค้าจับกลุ่มแมส หรือเทสโก้ โลตัส ก็เป็นดิสเคานต์สโตร์จับกลุ่มกลาง หรือเมเจอร์ก็เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยเราจะรองรับตลาดในย่านรัศมี 5 กิโลเมตรจากโครงการ ซึ่งในย่านปิ่นเกล้านี้ถือเป็นย่านที่ผู้คนหนาแน่นประมาณ 10,000 คนต่อตารางกิโลเมตร มากกว่าในเมืองถึง 3 เท่า”

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างจุดแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในย่านเดียวกันนี้ เดอะเซ้นส์ จึงต้องหาคู่ค้าร้านค้าที่ไม่มีสาขาในเซ็นทรัลปิ่นเกล้า หรือเทสโก้ โลตัส ปิ่นเกล้า และเมเจอร์ฯ ให้มากที่สุด เช่น แม็กซ์ แวลู เปิด 24 ชั่วโมง, ร้านกาแฟทัมแอนด์ทัมส์ คอฟฟี่ เปิด 24ชั่วโมง หรือร้านแหลมเจริญซีฟู้ด ร้านคิงคองบุฟเฟ่ต์ ร้านอาหารญี่ปุ่นคาสะ เป็นต้น โดยขณะนี้มีคู่ค้าเช่าพื้นที่แล้วประมาณ 85% ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ของกินเล่น ประมาณ 60% ของจำนวนร้านค้าทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 15% จะมุ่งเน้นไปที่ร้านอาหาร ผับ บาร์ เน้นตลาดกลางคืนเป็นหลัก คาดว่าจะปิดการขายประมาณเดือนตุลาคม ศกนี้

สำหรับสัญญาเช่าร้านค้า 3 ปีต่อ 3 ปี ราคาค่าเช่าชั้นล่างประมาณ 1,000 บาทต่อตารางเมตร ชั้น 2 ราคา 800 บาทต่อตารางเมตร และชั้น 3 ราคา 600 บาทต่อตารางเมตร โดยในช่วงเปิดอย่างไม่เป็นทางการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมามีร้านค้าเปิดประมาณ 20% แต่ปัจจุบันเปิดมากกว่า 75% ของทั้งหมดแล้ว คาดว่าทั้งโครงการจะคืนทุนภายใน 8 ปี ใช้งบการตลาดปีแรกนี้ 13 ล้านบาท โดยคาดหวังมีคนเข้าศูนย์ประมาณ 8,000-10,000 คนต่อวัน ขณะที่ปัจจุบันทำได้ประมาณ 3,000-5,000 คนต่อวัน เนื่องจากเพิ่งเริ่มเปิดบริการกี่เดือน โดยมีรายได้ประมาณ 20-30 ล้านบาทต่อปีจากค่าเช่าพื้นที่

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีที่ดินอีกหลายแปลงแต่ยังไม่มีแผนพัฒนาแต่อย่างใด เช่น ที่ดินย่านบางขุนนนท์ คลอง 6 รังสิต และบางปะกง ซึ่งเป็นที่ดินเก่าเก็บของครอบครัว จากรากฐานธุรกิจครอบครัวที่ทำการค้าจิวเวลลีมานานกว่า 30 ปี โดยมีร้านค้าอยู่ที่ดิโอลด์ สยามพลาซ่า เพียงสาขาเดียว เป็นการผลิตแล้วขาย ยังไม่มีการสร้างแบรนด์ตัวเอง แต่อนาคตคาดว่าจะมีการสร้างแบรนด์ของตัวเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น