“เคซีอี” ปลื้ม! ครึ่งปีแรกโกยรายได้ 5,000 ล้านบาท ส่งผลรายได้และกำไรเติบโตสูงสุดรอบ 32 ปี เป็น “นิวไฮ” เร่งขยายตลาดต่างประเทศใหม่ๆ เพิ่มอีก ล่าสุดเตรียมเซ็นสัญญากับ “พานาโซนิค” และ “ฟูจิตสึ” มั่นใจสิ้นปีรายได้รวม 11,000 ล้านบาท
นายพิธาน องค์โฆษิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เคซีอี อีเลคทรอนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือเคซีอี ผู้ผลิตและส่งออกแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจากเดิมเพื่อเป็นการสร้างรายได้และศักยภาพทางธุรกิจด้วยโดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นที่จะขยายให้มากขึ้นด้วยและล่าสุดภายใน 1 - 2 เดือนนี้จะเซ็นสัญญากับ “พานาโซนิค” ญี่ปุ่น เพื่อจำหน่ายเครื่องเสียงติดรถยนต์ และเตรียมจะเซ็นสัญญากับ “ฟูจิตสึ” ภายในปลายปีนี้ด้วยเพื่อรับผลิตสินค้าเครื่องเสียงรถยนต์ รองรับตลาดส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกที่มีอัตราการเติบโตขึ้นประมาณ 4-5% โดยบริษัทฯ มีสำนักงานขายที่จะทำหน้าที่ในการหาตลาดกระจายอยู่หลายประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ จีน เกาหลี สหรัฐอเมริกา และยุโรป เป็นต้น
“สำหรับภาพรวมรายได้และกำไรของบริษัทฯ ทั้งช่วงไตรมาสที่ 1 และไตรมาส 2 ของปีนี้ถือว่าสูงมากเป็นประวัติการณ์เรียกว่าเป็น “นิวไฮ” (new high) ในรอบ 32 ปีของการดำเนินธุรกิจก็ว่าได้ รวมทั้งเติบโตสวนกับทิศทางของอุตสาหกรรมโดยรวมด้วย เพราะสินค้าของบริษัทฯ ที่ผลิตและจำหน่ายมีคุณภาพได้รับการยอมรับอีกทั้งสร้างผลกำไรได้ดี ทั้งยังมีมาร์จิ้นที่ดีด้วย”
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีผลประกอบการโดยรวมไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมานี้บริษัทฯมีผลประกอบการโดยรวมแล้ว 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้รวมน่าจะมีประมาณ 11,000 ล้านบาท ทั้งยังคาดว่าจะสามารถรักษาระดับอัตราการเติบโตรายได้รวมในปีนี้อยู่ที่ 20% รวมถึงตั้งเป้าหมายรักษาระดับอัตราการเติบโตในระดับดังกล่าวต่อเนื่องนานถึงปี 2560 โดยสัดส่วนรายได้มาจากตลาดต่างประเทศถึง 97-98%
นายพิธาน กล่าวว่า นอกจากการขยายตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นแล้ว เพื่อเป็นการรองรับกับตลาดและความต้องการในอนาคต บริษัทฯ จึงได้ทำการปรับระบบการดำเนินงานทางด้านการผลิตใหม่และการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพิ่มอีกซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตอีก 3-4% และส่งผลดีต่อธุรกิจมากยิ่งขึ้น เพราะจะทำให้มีประสิทธิภาพในการผลิตและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทั่วโลกได้ส่งผลต่อการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเช่นกัน โดยโรงงานแห่งใหม่นี้มีมูลค่าการลงทุนกว่า 757 ล้านบาท คาดว่าเมื่อก่อสร้างเสร็จ จะส่งผลให้ยอดขายรวมเติบโตเท่าตัวต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้
นายพิธาน องค์โฆษิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เคซีอี อีเลคทรอนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือเคซีอี ผู้ผลิตและส่งออกแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจากเดิมเพื่อเป็นการสร้างรายได้และศักยภาพทางธุรกิจด้วยโดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นที่จะขยายให้มากขึ้นด้วยและล่าสุดภายใน 1 - 2 เดือนนี้จะเซ็นสัญญากับ “พานาโซนิค” ญี่ปุ่น เพื่อจำหน่ายเครื่องเสียงติดรถยนต์ และเตรียมจะเซ็นสัญญากับ “ฟูจิตสึ” ภายในปลายปีนี้ด้วยเพื่อรับผลิตสินค้าเครื่องเสียงรถยนต์ รองรับตลาดส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกที่มีอัตราการเติบโตขึ้นประมาณ 4-5% โดยบริษัทฯ มีสำนักงานขายที่จะทำหน้าที่ในการหาตลาดกระจายอยู่หลายประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ จีน เกาหลี สหรัฐอเมริกา และยุโรป เป็นต้น
“สำหรับภาพรวมรายได้และกำไรของบริษัทฯ ทั้งช่วงไตรมาสที่ 1 และไตรมาส 2 ของปีนี้ถือว่าสูงมากเป็นประวัติการณ์เรียกว่าเป็น “นิวไฮ” (new high) ในรอบ 32 ปีของการดำเนินธุรกิจก็ว่าได้ รวมทั้งเติบโตสวนกับทิศทางของอุตสาหกรรมโดยรวมด้วย เพราะสินค้าของบริษัทฯ ที่ผลิตและจำหน่ายมีคุณภาพได้รับการยอมรับอีกทั้งสร้างผลกำไรได้ดี ทั้งยังมีมาร์จิ้นที่ดีด้วย”
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีผลประกอบการโดยรวมไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมานี้บริษัทฯมีผลประกอบการโดยรวมแล้ว 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้รวมน่าจะมีประมาณ 11,000 ล้านบาท ทั้งยังคาดว่าจะสามารถรักษาระดับอัตราการเติบโตรายได้รวมในปีนี้อยู่ที่ 20% รวมถึงตั้งเป้าหมายรักษาระดับอัตราการเติบโตในระดับดังกล่าวต่อเนื่องนานถึงปี 2560 โดยสัดส่วนรายได้มาจากตลาดต่างประเทศถึง 97-98%
นายพิธาน กล่าวว่า นอกจากการขยายตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นแล้ว เพื่อเป็นการรองรับกับตลาดและความต้องการในอนาคต บริษัทฯ จึงได้ทำการปรับระบบการดำเนินงานทางด้านการผลิตใหม่และการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพิ่มอีกซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตอีก 3-4% และส่งผลดีต่อธุรกิจมากยิ่งขึ้น เพราะจะทำให้มีประสิทธิภาพในการผลิตและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทั่วโลกได้ส่งผลต่อการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเช่นกัน โดยโรงงานแห่งใหม่นี้มีมูลค่าการลงทุนกว่า 757 ล้านบาท คาดว่าเมื่อก่อสร้างเสร็จ จะส่งผลให้ยอดขายรวมเติบโตเท่าตัวต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้