“ยันฮี” เผยกำไร 1,000 ล้านบาท ลุยธุรกิจโรงพยาบาลแบบครบวงจรใน 3 ปี ล่าสุดเพิ่มโรงงานอีก 3 แห่ง ต่อยอดธุรกิจสกินแคร์สู่รีเทล เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่กลางปีนี้ พร้อมลุยบ้านพักคนชรา จำนวน 100 เตียงที่นครปฐม ยิ้มสถานการณ์เอื้อ คนไข้ต่างชาติกลับมา ครึ่งปีหลังรายได้โรงพยาบาลมีลุ้นโต 10% จากปีก่อนปิดรายได้ที่ 1,500 ล้านบาท
นายแพทย์สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี เปิดเผยว่า ยันฮีดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลมากว่า 20 ปี ให้บริการการรักษามากกว่า 30 แผนก แบ่งเป็นโรคทั่วไป 70% และความงาม 30% ที่ผ่านมาตลาดด้านกลุ่มความงามค่อนข้างทรงตัว ทั้งจากการเดินทางที่ไม่สะดวก และคลินิกความงามเกิดขึ้นมากมาย จึงกระทบต่อยอดรายได้ส่วนหนึ่ง
โรงพยาบาลมีแผนที่จะดำเนินธุรกิจในเชิงรุก โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสกินแคร์ ความสวยความงาม สู่ช่องทางรีเทลมากว่า 2 ปี พบว่าลูกค้าให้การตอบรับดี ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทพร้อมใช้งบกว่า 400 ล้านบาทเพิ่มโรงงานผลิตอีก 3 แห่งว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ โดยเป็นโรงงานที่ผลิตสินค้ากลุ่มสกินแคร์และอาหารเสริมทั้งหมด จากปกติสามารถมีรายได้อยู่ที่ 100 ล้านบาทต่อปี หากดำเนินการได้ทั้งหมดปีหน้าน่าจะมีรายได้กว่า 200 ล้านบาท
จากปัจุบันที่วางจำหน่ายอยู่ 6 รายการ เช่น ยาแต้มสิว, กลูตร้าพลัส และ 2 ตัวใหม่ล่าสุดคือ ยันฮีคอลลาเจน เปปไทด์ 600 และยันฮีเบบี้เฟซครีม ซึ่งครึ่งปีหลังจะเพิ่มเข้ามาอีก 5 รายการ จำหน่ายที่เซเว่น อีเลฟเว่น บู๊ทส์ แฟมิลี่มาร์ท เทสโก้โลตัส เป็นต้น อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลมีแผนธุรกิจที่จะลงทุนสร้างบ้านพักคนชราขึ้นเพื่อทำให้ธุรกิจโรงพยาบาลมีบริการที่ครบวงจรสำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึงคนชราคาดว่าจะเห็นได้ภายใน 3 ปีนี้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการหาซื้อที่ดิน เน้นภาคกลาง เล็งไว้ที่ จ.นครปฐม พื้นที่ 100 ไร่ จำนวน 100 เตียง การลงทุนรวมน่าจะประมาณ 500 ล้านบาท
นายแพทย์สุพจน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกลุ่มยันฮีมีรายได้มาจาก 5 ธุรกิจหลักคือ 1.โรงพยาบาล ปีนี้คาดว่าจะโต 10% จาก 1,500 ล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ดีขึ้น คนไข้ต่างชาติเริ่มกลับมา คิดเป็น 10% ของคนไข้ทั้งหมด 2.โรงงานผลิตยาและผลิตภัณฑ์ต่างๆ 3.ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ภายใต้บริษัทร่วมทุนกับนักลงทุนราชบุรีที่ชื่อ บริษัท ยันฮี โซล่า พาวเวอร์ จำกัด จำหน่ายพลังงานให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รายได้ปีละ 1,400 ล้านบาท
4.บริษัท เมโดซิน จำกัด นำเข้าและจัดจำหน่ายยา และเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น และ 5.การจำหน่ายสินค้าแบรนด์ยันฮี เช่น ยาหม่องตรายุง ปีนี้น่าจะมีรายได้สูงมาก หลังจากได้รับความนิยมในจีน หรือมีกำลังการผลิตที่ 1 ล้านขวดในปีนี้ จำหน่ายขวดละ 27 บาท และน้ำดื่มผสมวิตามิน แบรนด์ “ยันฮี” ราคาขวดละ 17 บาทที่คาดว่าจะมีรายได้ปีนี้กว่า 50 ล้านบาท
