กาญจนบุรี - นอภ.เมืองกาญจนบุรี นำทีมทหาร ตำรวจ จัดระเบียบแคมป์แรงงานต่างด้าวชาวพม่าบ้านท่าหวี ตำบลลาดหญ้า เมืองกาญจนบุรี ตามนโยบาย คสช.พบมีใบอนุญาตครบพร้อมทำประวัติ พร้อมสั่งกำชับห้ามแรงงานที่อาศัยอยู่ในแคมป์แห่งนี้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด
เมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้ (17 ก.ค.) นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี พ.อ.ชินโชติ บุญไพศาลเจริญ รอง ผอ.กอ.รมน.กาญจนบุรี พ.ต.อ.วัฒนา ประสมทรัพย์ ผกก.สภ.ลาดหญ้า พ.ต.ท.จิรชาติ ร่มสายหยุด รอง ผกก.ตม.กาญจนบุรี นายชูชาติ เสือส่าน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลลาดหญ้า นางนงลักษณ์ บุญส่งสมใจดี กำนันตำบลลาดหญ้า นายธนพล เสือส่าน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.ลาดหญ้า พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี พร้อมกำลังเดินทางไปที่แคมป์แรงงานต่างด้าวชาวพม่า บ้านท่าหวี หมู่ 4 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อเร่งจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวเพื่อความมั่นคงตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ทางฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี ได้รับการประสานจาก พล.ต.สิงห์ทอง หมีทอง ผบ.จทบ.กาญจนบุรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความสงบ จังหวัดทหารบกกาญจนบุรี เนื่องจากสืบทราบว่า พื้นที่ดังกล่าวมีแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เกรงว่าจะเข้ามาโดยผิดกฎหมาย จึงขอความร่วมมือจากอำเภอเมืองกาญจนบุรี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบ และหากพบเข้ามาอยู่อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะต้องนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายไทย
สำหรับแคมป์แรงงานต่างด้าวบริเวณดังกล่าว อยู่ในที่ดินสาธารณประโยชน์ เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่เศษ ก่อสร้างเป็นบ้านพักห่างกันเป็นระยะๆ มีทั้งหมด 33 หลัง มีแรงงานชาวพม่าทั้งชาย และหญิง 150 คน โดยแรงงานทั้งหมดได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมานานกว่า 30 ปี ซึ่งสมัยนั้นหลวงพ่อลำไย อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งลาดหญ้า ยังไม่มรณภาพ และได้นำแรงงานเหล่านี้มาช่วยกันสร้างวัด สร้างสะพาน รวมทั้งสร้างอาคารบ้านพักคนชรา
จากนั้นก็ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ตั้งแต่นั้นมา ซึ่งทุกคนสามารถนำเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เช่น บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ที่ขึ้นต้นด้วยเลข 00 ซึ่งออกให้แก่แรงงานต่างด้าวจากพม่า ที่ยอมขึ้นทะเบียนแรงงานตามกฎหมายไทย และเอกสารใบพาสปอร์ตที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติระหว่างประเทศมาแล้ว และหลังจากตรวจสอบเอกสารแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ให้แรงงานที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน เช่น สามี-ภรรยา และบุตรธิดา ร่วมกันถ่ายภาพเพื่อทำประวัติของแรงงานแต่ละคนเอาไว้ เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบในภายหลัง
นอกจากนี้ เราได้ร่วมกันจัดระเบียบการอยู่อาศัยภายในแคมป์แห่งนี้ โดยห้ามไม่ให้มีการนำบุคคลที่เป็นแรงงานต่างด้าวรายอื่นเข้ามาอาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากมีต้องรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบในทันที หากพบว่ายังมีการฝ่าฝืนแรงงานทั้งหมดที่มีอยู่จะต้องร่วมกันรับผิดชอบด้วยกันทั้งหมด และห้ามแรงงานที่อาศัยอยู่ในแคมป์แห่งนี้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด
รวมทั้งห้ามก่อเหตุอาชญากรรมทั้งในพื้นที่ และนอกพื้นที่ หากพบทุกคนจะต้องร่วมกันรับผิดชอบเช่นกัน สำหรับด้านสุขอนามัย ทุกคนจะต้องช่วยกันรักษาความสะอาดที่อยู่อาศัย รวมทั้งพื้นที่โดยรอบบริเวณจะต้องไม่เกิดการระบาดของโรคติดต่ออย่างเด็ดขาด
นายศรัทธา กล่าวต่อว่า แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คณะเจ้าหน้าที่เป็นห่วงก็คือ การเพิ่มประชากรของคนในครอบครัว เพราะพบว่าเด็ก และเยาวชน ซึ่งเป็นบุตรหลานของแรงงานเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น
จากการสอบถามปรากฏว่า เด็กทั้งหมดเกิด และโตในประเทศไทย อีกทั้งยังเรียนหนังสืออยู่ในประเทศไทย ซึ่งปัญหาเหล่านี้คณะทำงานร่วมเกรงว่าจะส่งผลกระทบในอนาคต ซึ่งจะนำปัญหาเหล่านี้รายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบเพื่อหาทางแก้ไขต่อไป
