BTS คว้างานวางระบบตั๋วร่วม ลดราคาต่ำสุด 399.68 ล้านบาท ทิ้งอันดับ 2 กลุ่ม MSจากสิงคโปร์ที่จับมือ “สามารถคอมเทค” เสนอ411.9 ล้านบาท ด้านสนข.แจงข้อ ร้องเรียน ยันกลุ่ม BTS ไม่ผิดทีโออาร์ เดินหน้าเปิดซองราคาโปร่งใส พร้อมเสนอคมนาคมและ คสช.พิจารณาก่อนเซ็นสัญญา มั่นใจเริ่มงานได้ ก.ย.นี้
วานนี้ (15 ก.ค.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยคณะกรรมการประกวดราคาโครงการจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House หรือ CCH มูลค่าโครงการ 409 ล้านบาท ที่มีนายปริญญา ถนัดทาง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศการขนส่งและจราจร สนข.เป็นประธาน ได้เปิดสองข้อเสนอด้านราคาชิงผู้ผ่านข้อเสนอทางเทคนิคจำนวน 3 ราย ปรากฏว่า กลุ่ม BSV Consortium ประกอบด้วย Bangkok Mass Transit System PCL. ร่วมกับ Smart Traffic Co.,Ltd. และ VIX Mobility Pty.,Ltd. ประเทศออสเตรเลีย เสนอราคาต่ำสุด คือ 339,689,668 บาท ส่วนกลุ่ม AT Consortium ประกอบด้วย Thai Transmission Industry Co.,Ltd. ร่วมกับ ACER Incorporate จากไต้หวัน เสนอราคา 415,588,000 บาท และกลุ่ม MS Consortium ประกอบด้วย MSI Global PTE Ltd. จากประเทศสิงคโปร์ และ Samart Comtech Co.,Ltd. เสนอราคา 411,949,989.3 บาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯต้องใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงก่อนจะตัดสินเปิดซองเสนอราคาโดยได้ประชุมกันเป็นระยะ เนื่องจากกรณีที่กลุ่ม MS Consortium ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.), ปลัดกระทรวงคมนาคมรวมถึง สนข.ใน 3 ประเด็น คือ กลุ่ม BSV Consortium ทำผิดทีโออาร์ โดยเปลี่ยนบริษัทในกลุ่มคอนซอร์เตียม BSV จาก VIX Technology เป็น VIX Mobility ซึ่งเป็นคนละนิติบุคคลกัน รวมทั้งประสบการณ์ที่ถูกฟ้องร้องจากรัฐบาลออสเตรเลีย เพราะไม่สามารถส่งมอบงานได้ และมีผลประโยชน์ทับซ้อนเนื่องจาก BTS ซึ่งอยู่ในกลุ่ม BSV เป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้า รวมถึงกำหนดระยะเวลาในการเปิดซองกระชั้นชิด โดยทางกลุ่ม MS ไม่ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมเปิดซองราคาในวันนี้ มีเพียงผู้สังเกตุการณ์เท่านั้น โดยเสนอคณะกรรมการฯ ขอให้เลื่อนการเปิดซองราคาออกไป 1 สัปดาห์เนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 สนข.เพิ่งแจ้งผลการพิจารณาด้านเทคนิคและกำหนดเปิดซองข้อเสนอราคาในวันที่ 15 กรกฎาคมทันที ซึ่งติดวันหยุดหลายวัน
นายเผด็จ ประดิษฐ์เพชร ปฎิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สนข.ในฐานะเลขาฯคณะกรรมการประกวดราคาระบบตั๋วร่วมกล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้พิจารณากรณีข้อร้องเรียนแล้ว มีความชัดเจนว่ากลุ่ม BSV ได้ยื่น VIX Mobility เป็นผู้ร่วมคอนซอร์เตียมตั้งแต่เริ่มต้น ส่วนการฟ้องร้องจากรัฐบาลออสเตรเลียเป็นเรื่องในอดีตที่จบแล้ว จึงไม่ผิดทีโออาร์แต่อย่างใด และเป็นคนละเรื่องกับการเปิดซองราคาในวันนี้ โดยจะพิจารณาเพียงเรื่องเวลาเปิดซองที่เร็วไปหรือไม่ซึ่งเห็นว่า ทาง MS มีตัวแทนจากสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย จึงไม่เป็นข้ออ้าง และจะดำเนินการเปิดซองโดยเปิดเผย ดังนั้นจึงถือว่าโปร่งใส
“ทางปลัดกระทรวงคมนาคมได้มีหนังสือถึงสนข. แจ้งถึงกรณีที่มีการร้องเรียน โดยระบุว่าให้สนข.ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างโปร่งใสและรายงานผลให้ทราบทไม่ได้สั่งระงับเรื่องการเปิดซองราคา ส่วน คสช.นั้น ก่อนหน้านี้ได้ส่งทีมเข้ามาตรวจสอบโครงการนี้แล้วว่ามีกระบวนการทำงานอย่างไร และไม่ได้สั่งระงับการเปิดซองราคา ซึ่งหลังสรุปผลจะต้องทำรายงานต่อ คสช.อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีความล่าช้าแล้วและหากไม่เร่งเปิดซองราคาจะยิ่งช้าและทำให้เสียหายเพราะระบบตั๋วร่วมจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House หรือ CCH) ไม่เกิดขึ้นก่อน” นายเผด็จกล่าว
โดยขั้นตอนหลังจากนี้ คณะกรรมการประกวดราคาฯ จะสรุปผลเสนอขอความเห็นชอบต่อผู้อำนวยการ สนข.ก่อนจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการต่อรองราคากับผู้เสนอราคาต่ำสุดโดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณเดือนครึ่ง คาดว่าจะลงนามสัญญาและเริ่มงานได้ในเดือนกันยายน 2557 และในขณะเดียวกันจะรายงานผลการประกวดราคาฯไปยังกระทรวงคมนาคมเพื่อนำรายงานต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาเป็นการคู่ขนานไปด้วย
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวว่า ตามสัญญาจะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 30 เดือน เพื่อติดตั้งระบบทั้งหมด คาดว่าจะติดตั้งระบบเสร็จภายในเดือนที่15 ส่วนเดือนที่ 18 จะเริ่มทดสอบระบบ โดยคาดว่าจะเริ่มนำร่องทดลองใช้ระบบในเดือนกันยายน 2558 ทั้งนี้ แม้ BTS จะเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเกือบ 100 ล้านบาท แต่ไม่มีปัญหาสามารถทำงานได้ตามเงื่อนไขเพราะบริษัท และผู้ร่วมกลุ่มมีประสบการณ์โดยจะเสนอ สนข.นำร่องการใช้ตั๋วร่วม 3 จาก 5 ประเภท ตามทีโออาร์กำหนด คือ ระบบทางด่วน, ร้านค้าร่วมรายการ และซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ โดยจะหารือกับ สนข.ก่อน