“พาณิชย์” มั่นใจส่งออกครึ่งปีหลังพุ่ง หลังประเมินสินค้าหลักโตแรง และตลาดส่วนใหญ่ฟื้นตัว

“พาณิชย์” ประเมินส่งออกครึ่งปีหลังฟื้นตัว ลุ้นเข้าเป้า 3.5% เผยยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องไฟฟ้า อาหารมาแรง กุ้งน่าห่วง หลังขาดแคลนวัตถุดิบ ถูกกล่าวหาเรื่องแรงงาน ส่วนจอทีวีเจอปัญหาเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว ด้านตลาดส่งออก สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่นมาแน่ แต่จีนต้องจับตา

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ประเมินแนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2557 พบว่ากลุ่มสินค้าที่จะเป็นแรงผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวจะเป็นกลุ่มสินค้ายานยนต์และส่วนประกอบ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มสินค้าอาหาร ส่วนสินค้าเกษตรมีหลายตัวที่มีปัญหาเรื่องวัตถุดิบ และราคาตลาดโลกตกต่ำ เช่น กุ้ง ยางพารา น้ำตาล และปาล์มน้ำมัน ซึ่งในภาพรวมยังประเมินว่าการส่งออกทั้งปีเติบโต 3.5% น่าจะทำได้

สำหรับแนวโน้มตลาดส่งออกคาดว่าจะดีขึ้นทุกตลาด โดยสหรัฐฯ จะดีขึ้นจากการลดคิวอี ส่วนยุโรป เศรษฐกิจหลายๆ ประเทศดีขึ้น เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ ส่วนญี่ปุ่น คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในระดับปกติ ขณะที่ตลาดศักยภาพอย่าง CLMV ตะวันออกกลาง แอฟริกาจะดีขึ้นหมด แต่ตลาดจีนต้องจับตา เพราะจีนได้ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเน้นการพึ่งพาการบริโภคในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออกของไทย แต่ไม่น่าจะมาก เพราะกรมฯ มีแผนที่จะเจาะตลาดจีนเป็นพิเศษอยู่แล้ว

นางนันทวัลย์กล่าวว่า การประเมินการส่งออกเป็นรายสินค้า พบว่าสินค้ากลุ่มอาหารจะขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะการส่งออกอาหารสำเร็จรูป ทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารพร้อมรับประทาน สิ่งปรุงรสอาหาร ผักและผลไม้ โดยเฉพาะไก่สดและแปรรูปที่จะส่งออกได้มากขึ้น หลังจากที่หลายประเทศได้ยกเลิกการห้ามนำเข้ากรณีที่แบนไทยเรื่องไข้หวัดนก

ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า ยังคงเป็นความหวังของการส่งออกของไทย เนื่องจากในช่วงต้นปีขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ ที่ขณะนี้หลายประเทศมีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมไว้สำหรับหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึง โดยขยายตัวได้ดีในตลาดสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

ขณะที่เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน มีแนวโน้มส่งออกได้ดีขึ้น จากการต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งจากกลุ่มอาเซียน ญี่ปุ่น ยุโรป เพราะยอมรับในคุณภาพและการออกแบบของสินค้าไทย โดยกรมฯ ได้เตรียมแผนที่จะจัดกิจกรรมการตลาดเชิงรุกในช่วงมหกรรมใหญ่ๆ ของโลก เช่น การแข่งขันโอลิมปิก มหกรรมระดับโลก (World Expo) เป็นต้น ส่วนพลาสติกมีแนวโน้มส่งออกได้ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ยังมีเคมีภัณฑ์ที่มีแนวโน้มส่งออกได้ดีขึ้น เช่น ปุ๋ย เคมีสำหรับทำเครื่องสำอาง และเคมีในภาคอุตสาหกรรม จากภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มความต้องการในตลาดหลักที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น และอาเซียน

นางนันทวัลย์กล่าวว่า สำหรับสินค้าที่มีแนวโน้มส่งออกได้ลดลง เช่น กุ้งแช่แข็งและแปรรูป เนื่องจากมีปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบจากการเกิดโรค EMS และการระบาดของโรคตัวแดงจุดขาว และยังมีปัญหากรณีถูกกล่าวหาจากหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษในประเด็นการใช้ปลาป่นที่มาจากเรือประมงที่ใช้แรงงานเยี่ยงทาสและการค้ามนุษย์ ส่งผลให้มีการชะลอและระงับการสั่งซื้อกุ้งจากไทย ซึ่งกรมฯ ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ทั้ง 61 แห่งทั่วโลกเร่งทำความเข้าใจลูกค้าแล้ว เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่าอุตสาหกรรมประมงของไทยใช้แรงงานถูกกฎหมาย

ส่วนเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ มีปัญหาในเรื่องการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว จากการใช้จอภาพแบบ Plasma และ LCD แทนจอภาพ CRT (Crystal Ray Tube) และการลดความนิยมของเครื่องเล่น DVD ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งปรับตัวเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งกรมฯ จะหาทางช่วยระบายสินค้าโดยมุ่งเจาะตลาดใหม่ที่ยังมีความต้องการสินค้าที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีสูง เช่น กลุ่มประเทศอาเซียน ละตินอเมริกา และแอฟริกา เป็นต้น