กรมการขนส่งฯ เรียกผู้ประกอบการแท็กซี่ประชุมวันนี้ ทำความเข้าใจการจัดระเบียบ เตรียมรวบรวมข้อมูลประวัติคนขับทุกรายป้อนเข้าศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะให้เรียบร้อยใน 15 ก.ค.นี้ เพื่อใช้เป็นศูนย์ข้อมูลกลางตรวจสอบผู้ขับรถในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน และเตรียมลงพื้นที่พร้อมทหาร ตำรวจ ตรวจสอบอู่กว่า 2,000 แห่ง เพิ่มประสิทธิภาพทั้งระบบ
นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายจัดระเบียบรถแท็กซี่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งได้กำหนดให้กรมการขนส่งฯ เชิญผู้ประกอบการรถแท็กซี่ประชุมในวันที่ 4 กรกฎาคม เพื่อขอความร่วมมือผู้ประกอบการในการจัดระเบียบ โดยเบื้องต้นให้รวบรวม และจัดส่งประวัติผู้ขับรถแท็กซี่ทุกรายให้กรมการขนส่งฯ ตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เพื่อป้อนข้อมูลเข้าศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะ กรมการขนส่งฯ ให้เป็นฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ภายในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ หลังจากนั้นจะมีการลงพื้นที่ร่วมกันระหว่างทหาร ตำรวจ และกรมการขนส่งฯ เพื่อดำเนินการติดตาม ตรวจสอบข้อมูลตามอู่รถแท็กซี่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีจำนวนกว่า 2,000 อู่ ว่าได้มีการดำเนินการถูกต้องตามข้อกำหนดดังกล่าวหรือไม่
ทั้งนี้ หากพบการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 5 (15) จะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท พร้อมทั้งได้ขอความร่วมมือประชาชนผู้ใช้บริการให้ตรวจสอบบัตรประจำตัวผู้ขับรถสาธารณะ ซึ่งติดไว้ด้านหน้ารถแท็กซี่ว่าตรงกับผู้ขับรถแท็กซี่หรือไม่ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดระเบียบรถแท็กซี่เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ ซึ่งผู้ที่ประสงค์จะขับรถแท็กซี่ที่ยังไม่มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะขอให้ติดต่อดำเนินการขอรับใบอนุญาตขับรถสาธารณะได้ ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5
อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะเพื่อนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดทำฐานข้อมูลกลางประวัติผู้ขับรถ สาธารณะ ได้แก่ ข้อมูลประวัติบุคคล การทำงาน การฝึกอบรม การกระทำความผิด การเกิดอุบัติเหตุ และการได้รับการยกย่องจากหน่วยงานต่างๆ ในการกระทำความดีที่ผ่านมา โดยข้อมูลเหล่านี้จะมีการเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่อยู่ภายในการกำกับดูแลของกรมการขนส่งฯ เช่น ระบบการรายงานอุบัติเหตุ ระบบเปรียบเทียบปรับทั่วไทย ระบบงานสอบประวัติผู้ประจำรถ ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ ระบบฐานข้อมูลประวัติผู้ขับรถยนต์สาธารณะ เป็นต้น และข้อมูลดังกล่าวจะนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ของกรมการขนส่งฯ ได้แก่ การพิจารณาลงโทษตามมาตรการพักใช้ใบอนุญาตขับรถ จนถึงการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ เพื่อให้ผู้ขับรถสาธารณะเกิดความเกรงกลัวต่อการกระทำผิด และทำให้ผู้ขับรถทุกรายถูกตรวจสอบประวัติเป็นการคัดกรองผู้ขับรถไม่ดีออกจากระบบ ซึ่งสามารถช่วยลดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนอย่างมีประสิทธิภาพ และนอกจากจะควบคุมผู้ขับรถแล้ว ยังเป็นการควบคุมผู้ประกอบการด้วย ซึ่งหากผู้ขับรถกระทำความผิดกฎหมาย หรือก่ออาชญากรรม ผู้ประกอบการจะต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการกระทำผิดที่เกิดขึ้นด้วย
