“นกแอร์” เผย มิ.ย.ยอดผู้โดยสารเริ่มฟื้น หลังปรับตัวลดลงช่วง 2 สัปดาห์หลังการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลค่อนข้างหนัก ประเมินกระทบผลดำเนินงานไตรมาส 2/57 คาด Cabin Factor เฉลี่ยอยู่ที่ 80% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ประเมินทั้งปี 57 เติบโตดี เหตุสัญญาณยอดจองตั๋วล่วงหน้าดี รายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% ยอมรับเปิดบิน “นกสกู๊ต” โลว์คอสต์ ช่วงไตรมาส 4/57 เล็งบินญี่ปุ่นก่อนตลาดกำลังบูม
นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์การเดินทางช่วงเดือนมิถุนายนจำนวนผู้โดยสารเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยอยู่ที่ 82% และคาดว่า Cabin Factor ทั้งไตรมาส 2/2557 (เม.ย.-มิ.ย.) เฉลี่ยจะอยู่ที่ 80% ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากมีปัจจัยกระทบหลายด้านทั้งปัญหาการเมืองภายในประเทศ และเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (Low Season) โดยในช่วง 2 สัปดาห์หลังจากมีการเปลี่ยนการบริหารประเทศ วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จำนวนผู้โดยสารปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง โดย Cabin Factor ลดลงจาก 80% เหลือเฉลี่ยที่ 72%
ส่วนในช่วงครึ่งปีหลัง (ก.ค.-ธ.ค. 57) ยังเชื่อมั่นว่าจำนวนผู้โดยสารจะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่ายอดจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า (Booking) มีสัญญาณที่ดีขึ้นชัดเจน รวมถึงทุกภาคธุรกิจในประเทศไทยเริ่มดีขึ้นเช่นกัน โดยคาดว่าทั้งปี 2557 (ม.ค.-ธ.ค.) จะมี Cabin Factor เฉลี่ยที่ 80% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปีก่อน ส่วนรายได้นั้นจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เนื่องจากปีนี้นกแอร์ได้มีการรับมอบเครื่องบินเพิ่มอีก 6 ลำ เป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้รายได้เติบโตเพิ่มขึ้น
“จำนวนผู้โดยสารช่วงเดือนพฤษภาคมปรับลดลงจนน่าตกใจ แต่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่2 สัปดาห์ จากนั้นเมื่อสถานการณ์เริ่มนิ่งก็เริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ในภาพรวมของไตรมาส 2/57 ยังถือว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ ช่วงครึ่งปีหลัง แม้จะมีสายการบินต้นทุนต่ำเปิดเส้นทางบินเข้ามาในตลาดเพิ่มและสถานการณ์การแข่งขันปรับลดราคาค่าโดยสารลง เช่น เส้นทางกรุงเทพฯ-ขอนแก่น แต่ ยังค่อนข้างมั่นใจว่าการเติบโตจะเป็นไปตามคาด” นายพาทีกล่าว
นายพาทีกล่าวถึงการเปิดให้บริการสายการบินนกสกู๊ต สายการบินต้นทุนต่ำที่จะให้บริการในเส้นทางต่างประเทศระยะกลาง-ไกลว่า คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ช่วงไตรมาส 4/2557 นี้ (ต.ค.-ธ.ค.) โดยมีเครื่องบินให้บริการเริ่มต้นจำนวน 2 ลำ ให้บริการ 2-3 จุดบิน โดยกำลังพิจารณาความเหมาะสมว่าจะเปิดบริการเส้นทางใดบ้าง เบื้องต้นคาดว่ายังไม่เปิดบินเส้นทางไปเกาหลี เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้ตลาดเกาหลีกำลังซบเซา หลังเกิดเหตุเรือเฟอร์รี่อับปางที่เกาะเจจู ส่วนประเทศญี่ปุ่นนั้นจะเป็น 1 ใน 3 จุดบินที่คัดเลือกไว้ว่าจะเปิดบินแน่นอน โดยคาดว่าจะบินไปที่นาริตะ 1 เส้นทาง ซึ่งตลาดญี่ปุ่นขณะนี้ถือว่าดีกว่าเกาหลี และคนญี่ปุ่นนิยมมาเที่ยวประเทศไทยเช่นกัน อีกทั้งการยกเว้นวีซ่าระหว่างกันยังเป็นส่วนสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวที่สะดวกมากขึ้นด้วย ส่วนอีก2 เส้นทางที่เหลือกำลังพิจารณาอยู่ โดยจะเน้นที่โซนเอเชีย เชื่อว่าในเดือนกันยายนนี้จะสามารถเริ่มเปิดจำหน่ายตั๋วได้แล้ว