xs
xsm
sm
md
lg

สมาคมหนังสือฯ จี้รัฐของบการอ่านทุกจังหวัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“จรัญ หอมเทียนทอง” นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย หรือ PUBAT (แฟ้มภาพ)
วงการหนังสือหวัง “ความสงบ” ของประเทศช่วยรักษายอดขายมูลค่า 30,000 ล้านบาททรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา ล่าสุดเรียกร้อง คสช. วอนให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงวัฒนธรรม ใส่ใจและดูแลภาคการอ่านหนังสือมากยิ่งขึ้น ตอกย้ำการอ่านนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้า ลดความขัดแย้งด้วยการอ่านเพื่อเพิ่มความรู้ ล่าสุดเตรียมร่างหนังสือเสนอรัฐบาลใหม่ จัดงบประมาณรายจ่ายด้านการอ่านประจำปีขึ้นทุกจังหวัด หวังช่วยอุตสาหกรรมหนังสือฟื้นตัว

นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย หรือ PUBAT เปิดเผยว่า หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เข้ามาดูแลประเทศ พบว่าบรรยากาศโดยรวมของประเทศไทยดีขึ้น มองในแง่ดีทุกอย่างจะดีขึ้นบ้านเมืองสงบขึ้น ผู้บริโภคมีอารมณ์ในการใช้จ่ายและหันมาซื้อหนังสือมากขึ้น หลังจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมายอดขายหนังสือตกลง 10% เพราะเมื่อเศรษฐกิจและสถานการณ์บ้านเมืองไม่ดีหนังสือจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผู้บริโภคจะซื้อ ดังนั้นจึงมองว่าในครึ่งปีหลังทุกอย่างดีและทำให้ภาพรวมตลาดหนังสืออยู่ที่ 30,000 ล้านบาท อาจจะติดลบแค่ 5% หรือทรงตัวเท่าปีก่อนก็ถือดีว่าดีมากแล้ว

อย่างไรก็ตาม ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า คสช. เข้ามากำกับดูแลและมีนโยบายต่างๆ ออกมาหลายด้าน แต่นโยบายที่ส่งผลดีต่อวงการหนังสือโดยตรงไม่มีเลย จึงอยากให้ทาง คสช. หันมามองวงการหนังสือบ้าง เพราะการอ่านหนังสือถือเป็นต้นตอของทุกด้านและเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ไทยก้าวไปข้างหน้าและลดความขัดแย้งลงได้ หากคนอ่านหนังสือน้อยจะก่อให้เกิดความขัดแย้ง เพราะคนมีความรู้น้อยประเทศก็ขับเคลื่อนไปได้ช้า

“อยากให้ทาง คสช. เห็นความสำคัญของการอ่านหนังสือและอยากให้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงวัฒนธรรมเข้ามากำหนดนโยบายทางด้านวัฒนธรรมของประเทศว่าควรจะออกมาเป็นเช่นไร ซึ่งการอ่านหนังสือถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่จะช่วยให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าได้ ที่สำคัญต้องการให้กำหนดงบประมาณด้านการอ่านเป็นงบประจำปีของแต่ละจังหวัด เพื่อปลูกฝังการอ่านให้เกิดแก่คนในชาติ รวมถึงจัดงบซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดเพื่อช่วยให้คนไทยได้อ่านหนังสือมากยิ่งขึ้น หลังจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมาไม่ให้ความสำคัญและเน้นเรื่องแท็บเล็ตมากกว่า”

ล่าสุด สมาคมฯ เตรียมที่จะทำหนังสือยื่นต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศในระยะต่อไป เกี่ยวกับการจัดตั้งงบประมาณรายจ่ายด้านการอ่านประจำปีขึ้นมาอย่างน้อยจังหวัดละ 10 ล้านบาท ก็เพียงพอที่จะช่วยทำให้อุตสาหกรรมหนังสือมีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืน รวมถึงการให้ความสำคัญในการจัดตั้งห้องสมุดในองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมหนังสือไทยเติบโตได้ดียิ่งขึ้น

นายจรัญ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะดูสงบขึ้นก็ตาม แต่สำหรับวงการหนังสือโดยเฉพาะในส่วนของสำนักพิมพ์ส่วนใหญ่ยังคงต้องดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังแบบไตรมาสต่อไตรมาส เพราะอนาคตไม่มีใครคาดการณ์ได้ ซึ่งแผนการผลิตหนังสือและจำนวนการพิมพ์ยังไม่เพิ่มขึ้นมากนัก ขณะที่กลุ่มหนังสือที่ยังมีโอกาสทางการขายอยู่มาก ได้แก่ กลุ่มหนังสือสำหรับวัยรุ่นเพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง นวนิยาย และแนวเฉพาะตัว เช่น ธรรมะ เป็นต้น ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ยอดขายไม่ดีก็จะมีออกมาสู่ตลาดน้อยลง สำนักพิมพ์ลดการผลิตลงไปเป็นไปตามธรรมชาติของตลาดหนังสือในปัจจุบัน


กำลังโหลดความคิดเห็น