เร็วเกินคาด! ได้ “คอนเทนต์บอลโลก 2014” ดันเรตติ้งพุ่งติดอันดับ 3 ก่อนเป้าที่วางไว้ 3 ปี เปิดแผนรุกหนักต่อเนื่องลุยปรับผังเฟส 2 เจาะกลุ่มแมสยิ่งขึ้น ชูกลยุทธ์ Value Centric มุ่งเข้าถึงเข้าใจผู้ชมในเชิงลึก เน้นสร้างแบรนด์ช่องให้ผู้ชมนึกถึงตลอดเวลาผ่านรายการต่างๆ ของช่อง ดึง “รายการข่าว-วาไรตีบันเทิง-ละคร-กีฬา” เป็นหัวหอกขับเคลื่อนขึ้นแท่นเป็นที่ 3 อย่างยั่งยืน มั่นใจสิ้นปีโกยรายได้ 850 ล้านบาท ล่าสุดชิงปรับขึ้นค่าโฆษณาอีกเท่าตัวขานรับเรตติ้งดีติดอันดับท็อปไฟว์
ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง กรรมการผู้อำนวยการ สายงานโทรทัศน์ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เจ้าของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 มองว่า นับจากนี้ภาพรวมการแข่งขันอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลจะค่อนข้างรุนแรง โดยจะได้เห็นการใช้กลยุทธ์ดัมป์ราคาค่าโฆษณา รวมถึงกลยุทธ์ขายโฆษณาพ่วงเป็นแพกเกจชัดเจนมากขึ้น เช่น แพกเกจขายโฆษณาสื่อทีวีระบบแอนะล็อกพ่วงไปกับระบบดิจิตอล หรือระบบทีวีดาวเทียมพ่วงไปกับระบบดิจิตอล โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังเม็ดเงินโฆษณาจะเติบโตดีขึ้น เนื่องจากขณะนี้เริ่มมีสัญญาณในทิศทางที่ดีคือกลับมาฟื้นตัวแล้ว
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทำให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่น ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมโฆษณาที่ส่วนใหญ่อั้นการใช้งบในช่วงครึ่งปีแรก การมีอีเวนต์ใหญ่ระดับโลกอย่างการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์โลก 2014 ที่ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพ รวมถึงการแข่งขันดุเดือดจากผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลที่มีมากถึง 24 ช่อง ซึ่งเชื่อว่าจะได้เห็นแต่ละรายงัดกลยุทธ์ช่วงชิงลูกค้าให้หันมาใช้งบผ่านสื่อทีวีดิจิตอลของตัวเอง หลังจากที่การออกอากาศของทีวีดิจิตอลมีการวัดเรตติ้งชัดเจนมากขึ้น
ในส่วนของอาร์เอส หลังจากที่ใช้กลยุทธ์นำคอนเทนต์กีฬาอย่าง “บอลโลก 2014” ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์กีฬาใหญ่ที่สุดในโลกและมีผู้ชมทุกเพศทุกวัยให้ความสนใจรอชมมากที่สุดในโลกมาเป็นหัวหอกผลักดันให้แจ้งเกิดในธุรกิจทีวีดิจิตอลเร็วยิ่งขึ้น โดยปั้นช่อง 8 เป็นสถานีโทรทัศน์หลักในการถ่ายทอดสดมากที่สุด 56 แมตช์ และเป็นสถานีฯ ที่ถ่ายทอดสดบรรยากาศก่อนเกมการแข่งขัน 1 ชั่วโมง รวมทั้งมีการเพิ่มคอนเทนต์รายการกีฬา 4 รายการจากเดิมไม่เคยมีรายการกีฬามาก่อน เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายผู้ชายซึ่งมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ปรากฏว่าเพียง 1 สัปดาห์ที่ถ่ายทอดสดบอลโลกก็สามารถดึงสายตาผู้ชมให้มาดูก่อนใครที่ช่องนี้ได้ดีเกินคาด ส่งผลให้การวัดผลของเอซี นีลเส็นฯ ล่าสุดช่อง 8 มีเรตติ้งจำนวนผู้ชมเติบโตสูงถึง 300% จึงคาดว่าจะขยับขึ้นแท่นเป็นที่ 3 ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ จากเดิมที่วางเป้าจะเป็นที่ 3 ภายใน 3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ดี หลังจบการถ่ายทอดสดบอลโลก 2014 ทางสถานีฯ เตรียมผลิตรายการกีฬาอื่นๆ ต่อเนื่อง ได้แก่ รายการมวยดังจากเวทีลุมพินี เพื่อรักษาฐานผู้ชมกลุ่มนี้ไว้ต่อไป รวมถึงมีแผนจะนำการ์ตูนเรื่องดังจากญี่ปุ่น เอเชียนมูฟวี่ และภาพยนตร์จีนฟอร์มยักษ์ เพื่อขยายฐานกลุ่มผู้ชมทุกเพศทุกวัยในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้ใช้กลยุทธ์ Value Centric มุ่งเข้าถึงและเข้าใจกลุ่มผู้ชมในเชิงลึก โดยเน้นสร้างแบรนด์ช่อง 8 ให้ผู้ชมนึกถึงตลอดเวลาผ่านทางรายการต่างๆ ของช่อง ภายใต้สโลแกน “เพื่อนคุณทุกที่ ทีวีของทุกคน” พร้อมทั้งได้เริ่มปรับผังรายการใหม่เข้าสู่ระยะเฟส 2 เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายคนทั่วไป (Mass) โดยมี 4 คอนเทนต์หลัก ได้แก่ รายการข่าว รายการวาไรตีบันเทิง กีฬา และละคร เป็นหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายดันเรตติ้งจำนวนผู้ชมให้มากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 อย่างยั่งยืน ขณะที่ยังมั่นใจสิ้นปีนี้จะมีรายได้ 850 ล้านบาทตามเป้าที่วางไว้
สำหรับรายละเอียดของผังรายการใหม่ในเฟส 2 ประกอบไปด้วย การเพิ่มคอนเทนต์รายการข่าวเป็น 6 ชั่วโมงต่อวันจากเดิม 3 ชั่วโมงต่อวัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 25% ของผังรายการทั้งหมด เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายคนที่ชื่นชอบการรับชมข่าวซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป โดยชูคอนเซ็ปต์ “เล่าง่าย ดูง่าย เข้าใจง่าย” ผลิตโดยทีมข่าวมืออาชีพกว่า 100 ชีวิตที่จะตามติดทุกสถานการณ์มารายงานสดตลอดทั้งวันผ่าน 5 รายการข่าวด้วยกัน รวมถึงเตรียมจะเพิ่มคอนเทนต์รายการวาไรตีบันเทิงเป็น 70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จากเดิม 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% ของผังรายการทั้งหมด ส่วนในครึ่งปีหลังเตรียมออกอากาศ “เปิดกล่องละครใหม่” อีก 5 เรื่อง เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายที่ชอบดูละครซึ่งมีอายุระหว่าง 15-50 ปี
ล่าสุดได้ปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา ราคาใหม่อยู่ที่ 20,000-200,000 บาทต่อนาทีจากเดิม 10,000-120,000 บาทต่อนาที คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวที่เป็น Deal of the year เพราะเมื่อวัดจากจำนวนสายตาผู้ชม (Eye Ball) แล้วถือว่าคุ้มค่ามาก เนื่องจากมีเรตติ้งจำนวนผู้ชมดีขึ้น ดูได้จากการวัดผลของเอซี นีลเส็นฯ ในสัปดาห์ล่าสุดพบว่าช่อง 8 มีเรตติ้งจำนวนผู้ชมอยู่ในอันดับ 5 ถือเป็นการช่วงชิงเรตติ้งจำนวนผู้ชมได้ตามเป้าที่คาดไว้ โดยรายการที่มีเรตติ้งจำนวนผู้ชมสูงสุดของช่องเทียบเท่ากับละครหลังข่าวทางฟรีทีวีเดิม ได้แก่ เสียงสวรรค์ พิชิตฝัน