กรมทรัพย์สินทางปัญญาคัดสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย นำร่อง 3 กลุ่ม ผ้าทอ จักสาน และขนม นำมาพัฒนา ใส่ความคิดสร้างสรรค์ ก่อนผลักดันออกสู่ตลาดทั้งใน และต่างประเทศ
นางกุลณี อัศดิศัย รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดทำโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา โดยได้ทำการคัดเลือกสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยที่มีศักยภาพจากทั่วประเทศ เบื้องต้นนำร่องใน 3 กลุ่มสินค้า คือ ผ้าทอ จักสาน และขนมไทย ซึ่งกรมฯ จะเข้าไปช่วยพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเหล่านี้ด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ผ่านการอบรมเชิงลึก เน้นการเรียนรู้แบบปฏิบัติจริงร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มีการพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้น และผลักดันออกสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ
“กรมฯ จะเข้าไปช่วยพัฒนาสินค้าโดยนำความคิดสร้างสรรค์ใส่ลงไป เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จัก จดจำ และพัฒนาสินค้าออกมาเพื่อตอบโจทย์ของตลาด ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการ ที่จะขายสินค้าได้มากขึ้น”
ทั้งนี้ ในการพัฒนาสินค้า กรมฯ จะนำผู้ประกอบการทั้ง 3 กลุ่มไปศึกษาดูงานในสถานประกอบการชั้นนำของไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาสินค้า พัฒนาบรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงการไปศึกษาดูงานเมืองต้นแบบในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าในต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้แนวคิดและการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ของตลาด แนวคิดในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วยการสร้างเรื่องราวของสินค้า และการสร้างจุดจดจำของสินค้าด้วยตราสินค้า เป็นต้น
สำหรับเป้าหมายในการพัฒนาสินค้า กรมฯ จะผลักดันให้สินค้า 3 กลุ่มที่เข้าร่วมโครงการ มีการพัฒนาสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ใหม่ขึ้นจำนวน 45 ชิ้นงาน ซึ่งสินค้าที่พัฒนาขึ้นจะมีความพิเศษเหนือกว่าสินค้าทั่วๆ ไปในท้องตลาด เพราะสินค้าที่สร้างสรรค์ขึ้นจะเป็นสินค้าที่มีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา โดยการสร้างตราสินค้า ทำยี่ห้อของสินค้า และจากนั้น กรมฯ จะนำสินค้าที่พัฒนาดังกล่าวไปช่วยประชาสัมพันธ์ ทั้งในนิตยสารชั้นนำของไทย การจัดทำแบรนด์ สตอรี และการทำเว็บไซต์ให้กับผู้ประกอบการเพื่อโปรโมตสินค้าด้วย
นางกุลณีกล่าวว่า กรมฯ ได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมกลุ่มจักสานไม้ไผ่บ้านคุณปราณี บริบูรณ์ ที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มเป้าหมาย โดยได้ไปดูกระบวนการผลิต แนวคิดในการพัฒนาสินค้าจากภูมิปัญญา และดูผลงานสินค้าหัตศิลป์ชั้นสูง ซึ่งพบว่าเป็นสินค้าที่มีโอกาสในการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างแน่นอน ส่วนสินค้าอีก 2 กลุ่มที่เหลือ กรมฯ จะมีการจัดส่งทีมงานลงพื้นที่ไปสำรวจ และช่วยพัฒนาต่อไป