ปานปรีย์นักบริหารมือดีมีจริยธรรม
หลังจากที่ ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ประธานบอร์ด ปตท.ได้แสดงสปริต ประกาศลาออกจากประธานบอร์ด ปตท.เมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อเปิดทางให้คณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) ได้ส่งผู้บริหารเข้ามาปฏิรูปพลังงาน ต้องยอมรับว่า ปตท. ได้เสียนักบริหารมือดีอย่าง ดร.ปานปรีย์ ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะเป็นนักบริหารที่มีความรู้ความสามารถเคยรับตำแหน่งสำคัญๆ ในกระทรวงพาณิชย์, กระทรวงพลังงาน และเป็นที่รับรู้กันดีว่า ดร.ปานปรีย์ นั้นมีความรู้ความสามารถในการบริหารและสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ในหลายเรื่องตั้งแต่อยู่กระทรวงพาณิชย์ ทำให้ประเทศไทยได้เปรียบทางการค้ากับคู่ค้า และเป็นที่ยอมรับของข้าราชการกระทรวงพาณิชย์
แม้กระทั่งล่าสุดเป็นประธานคณะกรรมการ ปตท. การพิจารณาคัดเลือกให้มาดำรงตำแหน่งนั้น คนในรัฐบาลเองมีความเห็นว่า เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะบริหารจัดการองค์กรที่เป็นสาธารณะ ไปในทิศทางที่ถูกต้อง โปร่งใส ปราศจากอิทธิพลต่างๆ จะมากดดันได้ โดยเฉพาะกลุ่ม ปตท. เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีทั้งความสำเร็จและปัญหา โดยในช่วง 1 ปี ได้ทำหลายเรื่องที่สำคัญๆ ในองค์กรของ ปตท.คือ ยุติความขัดแย้งรุนแรงภายในองค์กรระหว่างผู้บริหารระดับสูงให้เดินต่อไปได้ สร้างความมั่นคงด้านพลังงานแก่ประเทศ นอกจากนั้นยังวางยุทธศาสตร์ที่เน้นการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ลดการผูกขาดโดยเริ่มที่ท่อแก๊สโดยให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้ได้ ขายบางโรงกลั่น ซึ่งอยูในขั้นตอนการอนุมัติจากกระทรวง จัดโครงสร้างภายในรองรับการเปลี่ยนแปลง นอกกจากนั้น เน้นเพิ่มหลักเกณฑ์ เรื่องการบริการที่ดี Corporate Governance รวมทั้งเป็นครั้งแรกที่มีการตั้งกรรมการบริหารความเสี่ยงในระดับนโยบาย ผลงานดังกล่าวนี้เป็นที่ประจักษ์กับผู้บริหารของปตท. ซึ่งทำให้องค์กรรอดพ้นปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นว่ากันว่าผู้บริหารของ ปตท.พยายามยับยั้งการลาออกแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะต้องการแสดงสปริตการเป็นนักบริหารที่มีจริยธรรมเต็มตัว
หลังจากที่ ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ประธานบอร์ด ปตท.ได้แสดงสปริต ประกาศลาออกจากประธานบอร์ด ปตท.เมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อเปิดทางให้คณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) ได้ส่งผู้บริหารเข้ามาปฏิรูปพลังงาน ต้องยอมรับว่า ปตท. ได้เสียนักบริหารมือดีอย่าง ดร.ปานปรีย์ ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะเป็นนักบริหารที่มีความรู้ความสามารถเคยรับตำแหน่งสำคัญๆ ในกระทรวงพาณิชย์, กระทรวงพลังงาน และเป็นที่รับรู้กันดีว่า ดร.ปานปรีย์ นั้นมีความรู้ความสามารถในการบริหารและสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ในหลายเรื่องตั้งแต่อยู่กระทรวงพาณิชย์ ทำให้ประเทศไทยได้เปรียบทางการค้ากับคู่ค้า และเป็นที่ยอมรับของข้าราชการกระทรวงพาณิชย์
แม้กระทั่งล่าสุดเป็นประธานคณะกรรมการ ปตท. การพิจารณาคัดเลือกให้มาดำรงตำแหน่งนั้น คนในรัฐบาลเองมีความเห็นว่า เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะบริหารจัดการองค์กรที่เป็นสาธารณะ ไปในทิศทางที่ถูกต้อง โปร่งใส ปราศจากอิทธิพลต่างๆ จะมากดดันได้ โดยเฉพาะกลุ่ม ปตท. เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีทั้งความสำเร็จและปัญหา โดยในช่วง 1 ปี ได้ทำหลายเรื่องที่สำคัญๆ ในองค์กรของ ปตท.คือ ยุติความขัดแย้งรุนแรงภายในองค์กรระหว่างผู้บริหารระดับสูงให้เดินต่อไปได้ สร้างความมั่นคงด้านพลังงานแก่ประเทศ นอกจากนั้นยังวางยุทธศาสตร์ที่เน้นการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ลดการผูกขาดโดยเริ่มที่ท่อแก๊สโดยให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้ได้ ขายบางโรงกลั่น ซึ่งอยูในขั้นตอนการอนุมัติจากกระทรวง จัดโครงสร้างภายในรองรับการเปลี่ยนแปลง นอกกจากนั้น เน้นเพิ่มหลักเกณฑ์ เรื่องการบริการที่ดี Corporate Governance รวมทั้งเป็นครั้งแรกที่มีการตั้งกรรมการบริหารความเสี่ยงในระดับนโยบาย ผลงานดังกล่าวนี้เป็นที่ประจักษ์กับผู้บริหารของปตท. ซึ่งทำให้องค์กรรอดพ้นปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นว่ากันว่าผู้บริหารของ ปตท.พยายามยับยั้งการลาออกแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะต้องการแสดงสปริตการเป็นนักบริหารที่มีจริยธรรมเต็มตัว