ตลาดชาเขียวแข่งดุ “เซนย่า” มุ่งโตต่างประเทศเป็นหลัก ล่าสุดส่งเครื่องดื่มผงแบรนด์ “สวัสดี” หัวหอกใหม่กรุยรายได้ หวัง 3-5 ปี ยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ 50% เท่าไทย เชื่อดันรายได้ปี 58 โตร่วม 20% ทะลุ 1,350 ล้านบาท ส่วนปีนี้มั่นใจโต 6.5% สู่ 1,100 ล้านบาท
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด หรือ ที.เอ.ซี.ซี. ผู้ผลิตและจำหน่ายชา “เซนย่า” ทั้งแบบโถกดในเซเว่นอีเลฟเว่น และแบบบรรจุขวด, กาแฟวีสลิม เปิดเผยว่า ตลาดชาเขียวในไทยถือเป็นเรดโอเชียนที่มีการแข่งขันรุนแรง ขณะที่ “เซนย่า” เป็นแบรนด์เล็กๆ ยอมรับว่าสู้การแข่งขันของตลาดไม่ไหว จึงมุ่งทำตลาดในต่างประเทศเป็นหลักตลอด 7 ปีที่ผ่านมา
ปัจจุบัน “เซนย่า” ส่งออกไปกว่า 10 ประเทศ เช่น ลาว กัมฟูชา พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ ดูไบ เซาท์แอฟริกา รัสเซีย เป็นต้น โดย “เซนย่า” ขึ้นเป็นผู้นำตลาดในกัมพูชาด้วยแชร์กว่า 60% และในสิงคโปร์ติดท็อป 3 ของตลาดชาเขียวรวม และเป็นอันดับ 1 ในช่องทางโรงเรียน โดยหวังว่าใน 3 ปีขึ้นเป็นผู้นำในสิงคโปร์ได้ ส่วนตลาดต่อไปที่มีศักยภาพคือ ดูไบ
นายชัชชวี กล่าวต่อว่า จากการแข่งขันในประเทศที่รุนแรง บริษัทจะมุ่งตลาดส่งออกเป็นหลักภายใต้แบรนด์ “เซนย่า” ที่จะบุกประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นใน 1-2 ปีหลังจากนี้ เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และยูโรโซน ล่าสุดได้พัฒนาเครื่องดื่มผงทรีอินวันแบรนด์ “สวัสดี” สำหรับรุกตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะด้วย คาดว่าจะเริ่มทำการตลาดได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ หลังจากได้รับการอนุญาตจาก อย. ไม่เกิน 1-2 เดือนข้างหน้า
เบื้องต้นสำหรับแบรนด์ “สวัสดี” มี 3 รสชาติคือ 1.เครื่องดื่มทุเรียน 2.เครื่องดื่มมะม่วง และ 3.ชาไทย เจาะกลุ่มพรีเมียมที่ต้องการดื่มด่ำกับรสชาติแบบไทยๆ ร่วมสมัยด้วยวัตถุดิบที่คัดสรรเฉพาะ ขณะนี้เตรียมส่งออกไป 3 ประเทศหลักคือ จีน ฮ่องกง และญี่ปุ่น เนื่องจากพบว่านิยมรับประทานผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียน
“เซนย่ายังคงทำตลาดในไทยอยู่ แต่อาจจะไม่ได้โฟกัสตลาดเท่าต่างประเทศ โดยในต่างประเทศจะเน้นทั้งแบรนด์เซนย่ามุ่งเจาะกลุ่มวัยรุ่น และแบรนด์สวัสดีเจาะกลุ่มผู้ใหญ่ ชูความเป็นพรีเมียมแบรนด์ โดยอนาคตเตรียมเพิ่มรสชาติใหม่เข้ามาอีก 3-4 รสชาติ มั่นใจว่าภายใน 3-5 ปีรายได้จากต่างประเทศจะอยู่ที่ 50% เท่ารายได้ในประเทศ”
อย่างไรก็ตาม รายได้ปีนี้มั่นใจว่าจะทำได้ 1,100 ล้านบาท โตขึ้น 6.5% แบ่งเป็นในประเทศ 85-90% และต่างประเทศ 10-15% หรือมาจากแบรนด์เซนย่าและวีสลิม 70% และรายได้จากคู่ค้าเซเว่นอีเลฟเว่น 30% ส่วนในปี 2558 หลังแบรนด์สวัสดีทำตลาดอย่างจริงจังคาดว่ารายได้จะโตขึ้นกว่า 20% หรือมีรายได้อย่างน้อย 1,350 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% หรือมาจากแบรนด์เซนย่า วีสลิม และสวัสดี 40% และรายได้จากคู่ค้าเซเว่นอีเลฟเว่น 60% โดยรายได้เฉพาะที่มาจากแบรนด์สวัสดีน่าจะทำได้ที่ 200 ล้านบาท
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด หรือ ที.เอ.ซี.ซี. ผู้ผลิตและจำหน่ายชา “เซนย่า” ทั้งแบบโถกดในเซเว่นอีเลฟเว่น และแบบบรรจุขวด, กาแฟวีสลิม เปิดเผยว่า ตลาดชาเขียวในไทยถือเป็นเรดโอเชียนที่มีการแข่งขันรุนแรง ขณะที่ “เซนย่า” เป็นแบรนด์เล็กๆ ยอมรับว่าสู้การแข่งขันของตลาดไม่ไหว จึงมุ่งทำตลาดในต่างประเทศเป็นหลักตลอด 7 ปีที่ผ่านมา
ปัจจุบัน “เซนย่า” ส่งออกไปกว่า 10 ประเทศ เช่น ลาว กัมฟูชา พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ ดูไบ เซาท์แอฟริกา รัสเซีย เป็นต้น โดย “เซนย่า” ขึ้นเป็นผู้นำตลาดในกัมพูชาด้วยแชร์กว่า 60% และในสิงคโปร์ติดท็อป 3 ของตลาดชาเขียวรวม และเป็นอันดับ 1 ในช่องทางโรงเรียน โดยหวังว่าใน 3 ปีขึ้นเป็นผู้นำในสิงคโปร์ได้ ส่วนตลาดต่อไปที่มีศักยภาพคือ ดูไบ
นายชัชชวี กล่าวต่อว่า จากการแข่งขันในประเทศที่รุนแรง บริษัทจะมุ่งตลาดส่งออกเป็นหลักภายใต้แบรนด์ “เซนย่า” ที่จะบุกประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นใน 1-2 ปีหลังจากนี้ เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และยูโรโซน ล่าสุดได้พัฒนาเครื่องดื่มผงทรีอินวันแบรนด์ “สวัสดี” สำหรับรุกตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะด้วย คาดว่าจะเริ่มทำการตลาดได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ หลังจากได้รับการอนุญาตจาก อย. ไม่เกิน 1-2 เดือนข้างหน้า
เบื้องต้นสำหรับแบรนด์ “สวัสดี” มี 3 รสชาติคือ 1.เครื่องดื่มทุเรียน 2.เครื่องดื่มมะม่วง และ 3.ชาไทย เจาะกลุ่มพรีเมียมที่ต้องการดื่มด่ำกับรสชาติแบบไทยๆ ร่วมสมัยด้วยวัตถุดิบที่คัดสรรเฉพาะ ขณะนี้เตรียมส่งออกไป 3 ประเทศหลักคือ จีน ฮ่องกง และญี่ปุ่น เนื่องจากพบว่านิยมรับประทานผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียน
“เซนย่ายังคงทำตลาดในไทยอยู่ แต่อาจจะไม่ได้โฟกัสตลาดเท่าต่างประเทศ โดยในต่างประเทศจะเน้นทั้งแบรนด์เซนย่ามุ่งเจาะกลุ่มวัยรุ่น และแบรนด์สวัสดีเจาะกลุ่มผู้ใหญ่ ชูความเป็นพรีเมียมแบรนด์ โดยอนาคตเตรียมเพิ่มรสชาติใหม่เข้ามาอีก 3-4 รสชาติ มั่นใจว่าภายใน 3-5 ปีรายได้จากต่างประเทศจะอยู่ที่ 50% เท่ารายได้ในประเทศ”
อย่างไรก็ตาม รายได้ปีนี้มั่นใจว่าจะทำได้ 1,100 ล้านบาท โตขึ้น 6.5% แบ่งเป็นในประเทศ 85-90% และต่างประเทศ 10-15% หรือมาจากแบรนด์เซนย่าและวีสลิม 70% และรายได้จากคู่ค้าเซเว่นอีเลฟเว่น 30% ส่วนในปี 2558 หลังแบรนด์สวัสดีทำตลาดอย่างจริงจังคาดว่ารายได้จะโตขึ้นกว่า 20% หรือมีรายได้อย่างน้อย 1,350 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% หรือมาจากแบรนด์เซนย่า วีสลิม และสวัสดี 40% และรายได้จากคู่ค้าเซเว่นอีเลฟเว่น 60% โดยรายได้เฉพาะที่มาจากแบรนด์สวัสดีน่าจะทำได้ที่ 200 ล้านบาท
