เอกชนร่วมมือ “พาณิชย์” ตรึงสินค้า-จานด่วน 6 เดือน ช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน

“พาณิชย์” ขอความร่วมมือผู้ผลิตสินค้า 205 รายการ และอาหารจานด่วนในห้าง ตรึงราคาจำหน่าย 6 เดือน เริ่มมิ.ย.-พ.ย.นี้ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนตามนโยบาย คสช. ด้านเอกชนยันไม่ได้ถูกบังคับ แต่พร้อมให้ความร่วมมือ เชื่อบริหารจัดการต้นทุนได้ เผยหากตัวไหนไม่ไหวจริงๆ จะขอหารือเป็นกรณีๆ ไป

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับภาคเอกชน เรื่องการตรึงราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคว่า ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงพาณิชย์จำนวน 205 รายการ ตรึงราคาจำหน่ายเดิม 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย.-พ.ย. 2557 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนเป็นอย่างดี

“ระหว่างนี้จะไม่มีการปรับขึ้นราคา แต่หากสินค้ารายการใดมีความไม่แน่นอนด้านวัตถุดิบที่สูงขึ้น กระทรวงฯ จะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด และมีการหารือกับผู้ผลิตอย่างใกล้ชิด รวมทั้งจะมีการติดตามดูแลปริมาณสินค้าเพื่อไม่ให้มีปัญหาการขาดแคลนด้วย โดยมั่นใจว่า มาตรการที่ออกมานี้จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน และทำให้เงินเฟ้อทั้งปีอยู่ในเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2-2.8%” นางศรีรัตน์กล่าว

นางศรีรัตน์กล่าวว่า ส่วนการหารือกับห้างค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าที่มีการจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จนั้น เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี และท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศจำนวน 306 สาขา ได้ร่วมมือที่จะลดราคาอาหารใน 10 เมนูพิเศษ ซึ่งเป็นเมนูแนะนำของกระทรวงพาณิชย์ โดยจะจำหน่ายในราคาเมนูละ 35-40 บาท และไม่ขึ้นราคาอาหารปรุงสำเร็จชนิดอื่นๆ เป็นเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ มิ.ย.-พ.ย. 2557 เช่นเดียวกัน

สำหรับเมนูแนะนำจำนวน 10 รายการ ที่จะขายในราคา 35-40 บาท ได้แก่ 1. ข้าวไข่เจียว 2. ข้าวราดแกง 1 อย่าง 3. ข้าวราดแกง 2 อย่าง 4. ข้าวกะเพราหมู/ไก่ 5. ข้าวผัดหมู/ไก่ 6. ข้าวขาหมู 7. ก๋วยเตี๋ยวหมู/ไก่/ลูกชิ้นปลา 8. ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า 9. ผัดซีอิ๊ว 10. ขนมจีนน้ำยา/แกงไก่ และไข่ดาวฟองละ 7-8 บาท

ส่วนการจัดโครงการฟูดคอร์ตธงฟ้า ล่าสุดห้างบิ๊กซีได้เริ่มโครงการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.-30 มิ.ย. 2557 มี 26 เมนูที่จะจำหน่ายเมนูละ 30 บาท ขณะที่เทสโก้ โลตัส และท็อปส์ จะเริ่มดำเนินการในเดือน ก.ค.นี้

นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ราคานมผงที่เคยมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะขอปรับขึ้นราคา จากต้นทุนนำเข้านมผงสูงขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง จะยังคงจำหน่ายในราคาเดิม ไม่มีการปรับราคาขึ้น ยกเว้นมีผลกระทบที่พิเศษจริงๆ

ส่วนการดูแลราคาเนื้อหมู กรมฯ ได้ขอความร่วมมือสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ขอให้สมาชิกปรับลดราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มลงมาเหลือกิโลกรัม (กก.) ละ 81 บาท ซึ่งสมาคมฯ ได้รับปากแล้ว และเชื่อว่าสัปดาห์หน้าราคาเนื้อหมูจะลดลง โดยราคาหน้าเขียงจะไม่เกิน กก.ละ 155 บาท และหลังจากนี้กรมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ หากพบว่าใครยังขายเกินราคาก็จะดำเนินการตามกฎหมาย

นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนไม่ได้ถูกบังคับ แต่ยินดีให้ความร่วมมือในการตรึงราคาสินค้า เพราะเชื่อว่าในระยะเวลา 6 เดือนเอกชนสามารถแบกรับภาระต้นทุนได้ แต่หากมีสินค้ารายการใดที่พิเศษจริงๆ มีต้นทุนสูงขึ้นมากก็จะไปหารือกับกระทรวงพาณิชย์ และเมื่อพ้นระยะเวลาขอความร่วมมือตรึงราคา 6 เดือนไปแล้วยังเชื่อว่าสินค้าจะไม่ขึ้น และราคาอาจจะเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องขอความร่วมมืออีกก็ได้

“ถ้าขึ้นโดยไม่มีเหตุผล เราก็ไม่เห็นด้วย และไม่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการทำแบบนั้น”

นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพรซิเดนท์ไรซ์โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่เอกชนกล้ารับปาก เพราะเชื่อว่าภายใน 6 เดือนสามารถควบคุมต้นทุนและไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าได้