“พาณิชย์” รับลูก คสช. ถกผู้ผลิตขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้า 6 เดือนวันนี้ เริ่ม มิ.ย.-พ.ย. พร้อมขอความร่วมมือตรึงอาหารจานด่วนตามราคาแนะนำ เล็งจัดธงฟ้าขนสินค้าราคาถูกลด 20-40% ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมดึงโชวห่วยเป็นช่องทางขายสินค้าให้ผู้บริโภค
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 6 มิ.ย. กระทรวงฯ ได้นัดหารือกับผู้ผลิตสินค้าที่อยู่ในบัญชีดูแลของกระทรวงพาณิชย์ 205 รายการ เพื่อขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นระยะเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย.-พ.ย. 2557 เพื่อดูแลค่าครองชีพให้แก่ประชาชน รวมถึงจะหารือกับห้างค้าปลีกสมัยใหม่เพื่อขอความร่วมมือตรึงราคาอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) ที่จำหน่ายภายในห้างค้าปลีกให้ขายตามราคาแนะนำที่กระทรวงฯ กำหนด
สำหรับมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพให้แก่ประชาชน จะเร่งดำเนินการจัดมหกรรมธงฟ้า เพื่อนำสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด 20-40% มาจำหน่ายให้แก่ประชาชนโดยไม่จำเป็นต้องขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม เพราะยังมีงบประมาณเดิมของปี 2557 เหลืออยู่ โดยงานมหกรรมธงฟ้างานแรกจะเริ่มจัดปลายเดือน มิ.ย.นี้ ที่ไบเทค บางนา และเดือน ส.ค. จัดที่อิมแพค เมืองทองธานี รวมถึงจะจัดในจังหวัดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ยังได้สั่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดำเนินการโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้าปลีกดั้งเดิม (โชวห่วย) เพื่อใช้เป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้แก่ประชาชน โดยจะลดต้นทุนด้านการจำหน่ายด้วยการตัดขั้นตอนของพ่อค้าคนกลางออก เบื้องต้นอาจจะประสานผู้ผลิตสินค้านำสินค้ามาส่งตรงถึงโชวห่วย
ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะกำลังหารือกับหน่วยงานและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำออกมาแน่
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมฯ มีแผนลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน โดยได้เพิ่มระยะเวลาการจัดงาน “โชวห่วยช่วยสังคม” อีก 1 เดือน คือระหว่างวันที่ 1-31 ก.ค. ซึ่งได้ขอความร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้าให้ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้ร้านค้าปลีกค้าส่งที่เป็นสมาชิกเครือข่ายของกรมฯ ภายใต้สมาคมค้าปลีก-ส่งไทยทั่วประเทศ โดยมีร้านค้าส่งทั่วประเทศกว่า 380 ร้านค้า ค้าปลีก 5.8 หมื่นร้านค้า เข้าร่วมโครงการ
สำหรับการจัดงานโชวห่วยช่วยสังคม กรมฯ ได้จัดขึ้นทุกปี และได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการเป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมามีการจัดงานมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกมีเงินสะพัด 1,000 ล้านบาท และครั้งที่ 2 เงินสะพัด 300 ล้านบาท โดยกรมฯ จะมีการรายงานผลการดำเนินการต่อ คสช.ต่อไป