อคส.ตั้งคณะทำงานตรวจสต๊อกอีกครั้ง ยันข้าวไม่ได้หายแค่ลงบัญชีผิด และเคยแจ้งอนุปิดบัญชีไปแล้ว “พาณิชย์” เล็งเปิดตลาดนัดซื้อข้าวเปลือก 45 แห่ง 18 จังหวัด รับมือข้าวราคาตก พร้อมชงชดเชยปัจจัยการผลิต
นายชุนตรปกรณ์ วงศ์สีนิล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบปริมาณสต๊อกข้าวสารของรัฐบาลเพื่อยืนยันความโปร่งใสในการทำงานอีกครั้ง เพราะข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลไม่ได้หาย เพียงแต่ส่งมอบล่าช้าเท่านั้น และ อคส.ก็เคยทำหนังสือชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการปิดบัญชีไปแล้วเมื่อเดือน มิ.ย. 2556 ว่าเป็นการลงบัญชีข้าวคลาดเคลื่อน เพราะอยู่ระหว่าการสีแปรและส่งมอบ เนื่องจากโครงการรับจำนำมีข้าวเปลือกจำนวนมาก และไม่ทราบว่าทำไมถึงเป็นปัญหาอีกทั้งที่เป็นข้าวก้อนเดียวกัน
ทั้งนี้ ข้าวที่ค้างส่งมอบตามบัญชีเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2556 มีปริมาณ 2.97 ล้านตัน เป็นข้าวจากโครงการรับจำนำเมื่อ 2 ปีก่อน แบ่งเป็นข้าวในส่วนของ อคส.จำนวน 2.6 ล้านตัน ที่เหลือเป็นขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) อีก 0.37 ล้านตัน
นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ โดยแบ่งเป็นมาตรการด้านการตลาด และมาตรการช่วยเหลือด้านการผลิต โดยกรมฯ จะสรุปเสนอ นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำไปรายงานต่อ คสช.ต่อไป
สำหรับมาตรการด้านการตลาด จะจัดตลาดนัดข้าวเปลือก 18 จังหวัดในพื้นที่ 45 แห่ง และเสนอให้เร่งผลักดันการส่งออก ส่วนมาตรการด้านการผลิตเป็นหน้าที่ของกรมการข้าว และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ที่จะต้องกำหนดแนวทางปฏิบัติว่าจะช่วยอย่างไร เช่น อาจจะสนับสนุนค่าปัจจัยการผลิต ส่งเสริมการพัฒนาพันธุ์ข้าว การนำข้าวไปแปรรูป เป็นต้น
นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ได้รายงานผลการระบายข้าวนับตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบันในทุกวิธีการ รวมปริมาณ 18-20 ล้านตันข้าวสารให้ คสช. รับทราบแล้ว ส่วนการระบายข้าวในสต๊อกคงต้องหยุดการเจรจาขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ไว้ก่อนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางที่ คสช.กำหนด ซึ่งจะได้แจ้งให้คู่ค้าที่อยู่ระหว่างเจรจา เช่น มาเลเซีย และประเทศแอฟริกาทราบต่อไป ขณะที่ข้าวจีทูจีที่ขายให้จีน 1 ล้านตันยังคงเดินหน้าส่งมอบต่อไป
