รวบ 7 บริษัทในเครือร่วมทุนกับ “อับราจ แคปปิตอล เอเซีย” กลุ่มบริษัทกองทุนชั้นนำระดับโลก ตั้งบริษัทใหม่ “บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี จำกัด” มุ่งขยายตลาดด้านการศึกษาและการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในประเทศไทย ตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศ และภูมิภาค
นายณพ ณรงค์เดช ประธาน บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้กลุ่มเคพีเอ็นได้ร่วมมือลงทุนกับ “อับราจ แคปปิตอล เอเซีย” (Abraaj Capital Asia Pte Ltd.) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทกองทุนชั้นนำของโลกและมีการลงทุนที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายธุรกิจทั่วโลก โดยมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ของ “อับราจ แคปปิตอล เอเซีย” จะสามารถช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของ “เคพีเอ็น อะคาเดมี” ให้เติบโตได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโอกาสการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในอนาคต
ประชาชนทั่วไปอาจรู้จักเคพีเอ็นในฐานะโรงเรียนสอนดนตรีจากชื่อเสียงของ “เคพีเอ็น มิวสิค อะคาเดมี” ทั้งๆ ที่เคพีเอ็นยังมีองค์ความรู้ด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและพัฒนาศักยภาพอีกมากมาย เช่น บริษัทฝึกอบรมบุคลากรสำหรับองค์กรต่างๆ สถาบันกวดวิชา (Tutor) สถาบันสอนภาษาจีน และบริษัทผลิตซอฟต์แวร์ด้านการศึกษาแบบ E-Learning เป็นต้น ดังนั้น ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาจึงมีการปรับโครงสร้างธุรกิจด้านการศึกษาใหม่ให้มาอยู่ภายใต้การนำของ บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่กลุ่มเคพีเอ็นร่วมทุนกับกลุ่ม “อับราจ แคปปิตอล เอเซีย” โดยมีบริษัทลูกรวม 7 บริษัท ทั้งยังมีแผนการลงทุนและงบประมาณเพื่อขยายสาขาและกิจการเพิ่มเติมมากกว่า 600 ล้านบาท
“การร่วมทุนกับอับราจในครั้งนี้ไม่ได้มองเฉพาะเรื่องการเพิ่มศักยภาพทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องขององค์ความรู้ โลกทัศน์ และเครือข่ายพันธมิตรที่เพิ่มมากขึ้น เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจจะเติบโตได้อย่างยั่งยืนต้องมาจากพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และพื้นฐานที่สำคัญคือการศึกษาที่ดี นอกจากนั้นแล้วเคพีเอ็นยังต้องการที่จะช่วยสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพของสังคม สร้างอนาคต ส่งเสริมภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศไทย ซึ่งจุดนี้คือสิ่งที่เราภาคภูมิใจอย่างที่ไม่อาจหาอะไรมาประเมินค่าได้” นายณพกล่าวเสริม
ด้าน มร.โอมาร์ เค. โลดิ หุ้นส่วนและประธานภูมิภาคเอเชียตะวันออก “อับราจ แคปปิตอล เอเซีย” กล่าวเสริมว่า อับราจจัดเป็นบริษัทกองทุนประเภท Private Equity ที่สนใจด้านการลงทุนในประเทศที่กำลังเติบโตทั่วโลก เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชีย และละตินอเมริกา มีขนาดกองทุนมากกว่า 2.5 แสนล้านบาท โดยในระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมาได้ทำการลงทุนไปมากกว่า 200 บริษัท ครอบคลุมทั้งธุรกิจการศึกษา การดูแลสุขภาพ ลอจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
สำหรับประเทศไทยเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตและมีศักยภาพ มีสัญญาณอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีขนาดของจำนวนประชากรที่ค่อนข้างใหญ่ รวมถึงรายได้เฉลี่ยต่อคนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเรามองว่าจากนี้ไปจนถึงปี 2030 อัตราการเติบโตถึง 2 ใน 3 ของธุรกิจโลกจะมาจากตลาดกลุ่มนี้ ซึ่งจะมีประชากรที่มีรายได้ระดับชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 พันล้านคน
“ธุรกิจด้านการศึกษาเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่อับราจให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และจากประสบการณ์การลงทุนในธุรกิจการศึกษาของอับราจจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยเสริมให้ บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี จำกัด เติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคตทั้งในประเทศไทย และระดับภูมิภาค” มร.โอมาร์ เค. โลดิ กล่าวในที่สุด
อนึ่ง กลุ่มบริษัทเคพีเอ็นที่เข้ามาอยู่ภายใต้การร่วมทุนในครั้งนี้ ประกอบด้วย
1. บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค อะคาเดมี จำกัด (KPN Music Academy) โรงเรียนสอนดนตรีที่มีจำนวนสาขามากกว่า 64 สาขาทั่วประเทศไทย รวมทั้งจำหน่ายเครื่องดนตรีมากกว่า 40 แบรนด์
2. บริษัท สยาม วิลสัน เลิร์นนิ่ง จำกัด (Siam Wilson Learning) ผู้เชี่ยวชาญด้านฝึกอบรมทักษะการทำงานให้แก่บุคลากร
3. บริษัท อินโนเวทีฟ เลิร์นนิ่ง แอนด์ ดีไซน์ จำกัด (Innovative Learning & Design) เชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมทักษะวิชาชีพเฉพาะด้าน
4. บริษัท เพนต้า ซิสเต็มส์ จำกัด (Penta Systems) ดำเนินธุรกิจด้านอีเลิร์นนิ่ง (e-Learning) พัฒนาระบบไอทีอย่างเต็มรูปแบบเพื่อใช้กับการเรียนการสอน
5. บริษัท เคพีเอ็น ไชนีส อะคาเดมี จำกัด (KPN Chinese Academy) สถาบันสอนภาษาจีน ภายใต้ชื่อ “KPN CCC” ที่มีสาขาจำนวน 4 สาขาในกรุงเทพฯ
6. บริษัท เคพีเอ็น ติวเตอร์ริง จำกัด (KPN Tutoring) สถาบันกวดวิชาที่มีชื่อเสียงภายใต้ชื่อสถาบัน JIA ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั่วประเทศไทยกว่า 34 สาขา และมีวิชาหลากหลายให้แก่นักเรียนวัยต่างๆ ได้เลือกเรียน เช่น ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ, คณิตศาสตร์, เคมี เป็นต้น
7. บริษัท สปอร์ต โซไซตี้ จำกัด (Sport Society Co.) ดำเนินธุรกิจพัฒนาและการจัดกิจกรรมด้านกีฬาหลากหลายชนิด เช่น เทนนิส ฟุตบอล และกอล์ฟ เป็นต้น