เอกชนเผยปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และไม่มีรัฐบาลตัวจริงบริหารประเทศทำเศรษฐกิจไทยชะลอตัว คาดปีนี้มีโอกาสโตได้แค่ 2.5% เหตุส่งออก การผลิต การท่องเที่ยวยังช่วยหนุน แต่หากไตรมาส 3 แล้วยังไม่มีรัฐบาลมีสิทธิ์แย่กว่านี้แน่ เล็งเสนอรัฐบาลให้เอกชนลงทุนพัฒนาด่านการค้า รองรับการค้า การท่องเที่ยว กับเพื่อนบ้าน
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและการไม่มีรัฐบาลบริหารประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากกำลังซื้อที่หดตัว ค้าส่งค้าปลีกติดลบ 30% การท่องเที่ยวและงานสัมมนาของคนไทยลดลง การก่อสร้างต่างจังหวัดชะลอตัว ยอดจองอสังหาริมทรัพย์ลดลง การว่างงานของนักศึกษาจบใหม่ และราคาพืชผลเกษตรลดลง ทำให้ไตรมาสแรกปีนี้เศรษฐกิจไทยติดลบ 1% ไตรมาส 2 คาดว่าจะขยายตัวไม่เกิน 1% ส่วนทั้งปียังไม่แน่นอน มีโอกาสโตได้ 2.5% หากมีรัฐบาลใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง
“ถ้าการเมืองยังยืดเยื้อ ไม่มีรัฐบาลมาบริหารประเทศ มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะโตได้ลดลงไปอีก แต่ไม่ถึงขั้นติดลบ เพราะการส่งออกและการผลิตในไทยยังขยายตัวได้ดีอยู่ การท่องเที่ยวจากต่างชาติก็ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่น่าห่วงคือ ภาคการลงทุน กำลังซื้อ และการบริโภคในประเทศที่ลดลงต่อเนื่อง ซึ่งเอกชนมีจุดยืนที่อยากให้มีรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศโดยเร็วที่สุด และถ้าเป็นไปได้ไม่ควรเกินไตรมาส 3 เพราะเป็นช่วงที่ต้องพิจารณางบประมาณปี 2558”
อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่มีรัฐบาลใหม่ในการผลักดันนโยบายในการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ แต่เอกชนก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ยังคงมีการเดินหน้าเพิ่มการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวต่อไป
นายอิสระกล่าวว่า ในการผลักดันการค้าชายแดน หอการค้าไทยมีแนวคิดที่จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาให้เอกชนลงทุนในการขยายและพัฒนาด่านการค้าชายแดนจากจุดผ่อนปรนเป็นด่านชายแดนถาวร เพื่อรองรับการขยายตัวของการค้า รวมถึงการท่องเที่ยว ที่เชื่อมโยงไปยังเมืองสำคัญ และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 เนื่องจากในปัจจุบันหลายๆ ด่านต้องให้เวลา 5-6 ชั่วโมงกว่าจะผ่านได้ จนส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจและการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะหากจะรอให้รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการคงต้องใช้เวลาอีกนาน ที่สำคัญจะช่วยแบ่งเบาภาระของประเทศที่ยังไม่มีรัฐบาลตัวจริง และยังไม่สามารถจัดทำงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2558 ได้
ทั้งนี้ เอกชนมีความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนในการขยายและการพัฒนาด่านชายแดน แม้ว่าจะใช้เงินในระดับ 10,000 ล้านบาท เนื่องจากมั่นใจว่าจะคุ้มทุนภายใน 7 ปี และเมื่อสร้างเสร็จก็ให้เอกชนเป็นผู้เก็บค่าผ่านทางหรือค่าเช่า หรือภาครัฐอาจใช้วิธีผ่อนส่งเงินคืนตามมูลค่าการลงทุนในภายหลัง แต่ระเบียบขั้นตอนต่างๆ ในการผ่านแดนก็เป็นหน้าที่ของภาครัฐดำเนินการเหมือนเดิม เบื้องต้นเอกชนสนใจลงทุนด่านชายแดนสะเดา จ.สงขลา ซึ่งติดกับประเทศมาเลเซีย และด่าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ติดกับด่านปอยเปต ประเทศกัมพูชา
นายนิยม ไวยรัชพานิช รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เอกชนมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งผลักดันการส่งเสริมการค้าชายแดน ประกอบด้วย ให้รัฐบาลเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว เส้นทาง 5 เชียง คือ 1. เชียงใหม่ ประเทศไทย 2. เชียงราย ประเทศไทย 3. เชียงตุง ประเทศพม่า 4. เชียงรุ้ง ประเทศจีน และ 5. เชียงทอง หรือหลวงพระบาง ประเทศลาว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกันกับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางมรดกโลกระหว่างไทยกับลาว อย่างเส้นทางสุโขทัย-อุตรดิตถ์-ปากลาย (แขวงไชยะบุรี)-เมืองไชยะบุรี-เมืองหลวงพระบาง เป็นต้น