อุตรดิตถ์ - อธิบดีกรมป่าไม้ บินด่วนตรวจขบวนการไม้เถื่อนต่างชาติ ลอบข้ามแดนตัดประดู่-พะยูง-ชิงชัน ชายแดนอุตรดิตถ์ เหี้ยนกว่า 200 ต้น ก่อนชักลากข้ามเขตแดนกลับไปแปรรูปในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน สั่งสนธิกำลังป่าไม้-ตชด.-อส. ลาดตระเวนเข้ม แต่ย้ำอย่าปะทะ หวั่นกระทบความสัมพันธ์
วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ส่วนแผนประสานงานศูนย์ประสานงานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในส่วนกลาง (ศปป.4 กอ.รมน.) ได้บินด่วนเข้าพื้นที่ตรวจสอบ กรณีขบวนการลักลอบตัดไม้ต่างชาติแอบลักลอบเข้ามาตัดไม้ประดู่ ไม้ชิงชัน เขตชายแดนไทย ที่บ้านวังสัมพันธ์ อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ กว่า 200 ต้น ก่อนขนข้ามไปแปรรูปในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำส่งขายต่อยังประเทศจีน
จากนั้นคณะของนายบุญชอบร่วมประชุมที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลบ้านโคก โดยมี นายวีระชัย ภู่เพียงใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ นายบุญเหลือ บารมี นายอำเภอบ้านโคก นายธีระ เงินวิลัย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุตรดิตถ์ นายภูริทัศน์ แมดเมือง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ อต.6 (ห้วยน้อยกา) สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 3 (ลำปาง) นายดิเรก จันท์ใจ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่าจังหวัดพิษณุโลก นายสมคิด จีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าไม้ที่ 3 ลำปาง พ.ต.อ.ถวัลย์ บุญสูง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนขายแดนที่ 31 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย
นายบุญชอบ กล่าวว่า ปัจจุบันบรรดาพ่อค้าไม้ต้องการไม้ประดู่ ไม้พะยูง หรือไม้ชิงชันเพิ่มมากขึ้น จึงตั้งราคารับซื้อสูงถึงกิโลกรัมละ 500 บาท ซึ่งหากตีราคาไม้ 1 ตัน ก็จะมีราคาสูงถึง 5 แสนบาท เป็นเหตุจูงใจที่จะทำให้มีการลักลอบตัดไม้เพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะในพื้นที่ตามแนวชายแดนของประเทศ ดังที่เราตรวจพบไม้ประดู่ และไม้ชิงชันขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 1 เมตร ถูกโค่นล้มเป็นจำนวนกว่า 200 ต้น ที่บ้านวังสัมพันธ์ หมู่ที่ 3 อ.บ้านโคก บริเวณหลักปักปันเขตแดนที่ 12-14 และมีการตัดเส้นทางเข้ามา เพื่อนำช้าง รถไถ และรถบรรทุกเข้ามาขนย้ายไม้ดังกล่าว กลับเข้าไปแปรรูปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่อยู่ห่างแค่ 300-500 เมตร ขณะที่เขตไทยเป็นป่าทึบห่างจากหมู่บ้านมากกว่า 16 กม. ทำให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงได้ยาก
อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปจะให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตชด. ร่วมกับ อส. บ้านโคก ออกเดินลาดตระเวนตามเขตต่อแดนให้ถี่ขึ้น พร้อมทั้งคงกำลังส่วนหนึ่งไว้ในพื้นที่ประมาณ 1 เดือนเป็นขั้นต่ำ แต่ขอให้หลีกเลี่ยงการปะทะกันด้วยกำลัง เพราะจะเป็นการสูญเสียกันทั้ง 2 ฝ่าย และกระทบความสัมพันธ์ทั้งระดับท้องถิ่น-ระดับประเทศ โดยในขั้นต้นขอให้ทางอำเภอบ้านโคกทำหนังสือประสานขอความร่วมมือไปยังแขวงเมืองปากลายด้วย
จากนั้นได้เดินทางด้วยขบวนรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ออกจากหมู่บ้านวังสัมพันธ์ เพื่อเข้าไปยังจุดปักปันเขตแดนที่ 12-14 ที่อยู่ห่างไปประมาณ 12 กิโลเมตร ที่ต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนเดินเท้าไปยังจุดที่พบการลักลอบตัดไม้ ที่อยู่ห่างไปอีก 4 กม. โดยพบว่าระหว่างทางเป็นป่าไม้ใหญ่ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก และบางจุดพบร่องรอยการนั่งพักเหนื่อยของขบวนการทำไม้เถื่อนต่างชาติ ที่ทิ้งเศษกระดาษฟอยล์สำหรับเสพยาบ้า และซากซองบุหรี่ของประเทศเพื่อนบ้านไว้ด้วย
เมื่อถึงจุดเกิดเหตุพบร่องรอยการตัดทำถนนแบบลำลอง เพื่อทำการชักลากท่อนไม้ และยังพบไม้ชิงชัน ไม้ประดู่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 1 เมตร อีก 2 ต้น ที่ถูกตัดโค่นไว้แล้ว แต่ยังไม่ทันได้ชักลาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้แจ้งให้ทราบว่า จุดนี้ยังมีตอไม้ที่ถูกตัด และชักลากข้ามไปแปรรูปแล้วเป็นกว่า 200 ต้น