xs
xsm
sm
md
lg

“ดาวคอฟฟี่” รุกไทยครบวงจร จ่อทำคอนแทร็กฟาร์มมิ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสาวบุนเฮือง ลิดดัง (ที่ 2 จากซ้าย) รองประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทดาวเรืองของ สปป.ลาว
ASTVผู้จัดการรายวัน – “ดาวเรืองกรุ๊ป” ทุนใหญ่จากลาว เจ้าของ “ดาว คอฟฟี่” เปิดแผนสยายปีกในไทย ลุยกาแฟครบวงจร เปิดร้านเชนกาแฟ เข้าตลาดสแน็ค พร้อมเล็งทำคอนแทร็กฟาร์มมิ่ง คาดหวังรายได้ในไทยปีนี้โต 20% และตั้งเป้าเพิ่มเท่าตัวเป็น 40 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมเร่งขยายตลาดตะวันออกกลาง มั่นใจอีก 5 ปี รายได้ทั้งกลุ่มเพิ่มเป็น 320 ล้านเหรียญสหรัฐ

นางสาวบุนเฮือง ลิดดัง รองประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทดาวเรืองของ สปป.ลาว กล่าวว่า ทางกลุ่มดาวเรืองมีแผนจะขยายธุรกิจในไทยมากขึ้น จากเดิมที่มีแต่ธุรกิจจำหน่ายเมล็ดกาแฟเท่านั้นมานานกว่า 5 ปีแล้วผ่านทางบริษัท ซำบายดี จำกัด ที่เป็นผู้แทนจำหน่ายรายเดียวในไทย โดยเตรียมจะขยายทั้งในส่วนของธุรกิจกาแฟ สแน็ค และการทำคอนแทร็กฟาร์มิ่ง

โดยธุรกิจกาแฟ เตรียมจะขยายตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มในอีก 3 เดือนจากนี้ จากเดิมที่มีแต่ ทรีอินวัน ที่ทำตลาดไทยมา 7 ปีแล้วและอินสแตนท์คอฟฟี่ที่ทำมา 2 ปีแล้วในไทย รวมทั้งจะขยายร้านกาแฟชื่อว่า “ที รูม บาย ดาว” ซึ่งเพิ่งเปิดสาขาแรกที่ธัญญาปาร์คเป็นการทดลองตลาดเมื่อปีที่แล้ว และจะเปิดสาขาสองที่สยามวันในสิ้นปีนี้ ลงทุนเฉลี่ย 10 ล้านบาทเป็นการลงทุนด้วยบริษัทฯเอง ก่อนจะเปิดขายแฟรนไชส์ในอนาคต เป็นการต่อยอดธุรกิจกาแฟให้ครบวงจรมากขึ้น

“เราทำตลาดจำหน่ายเมล็ดและผงกาแฟในไทยมานานผ่านบริษัท ซำบายดี จำกัด จนประสบความสำเร็จดี คืออินสแตนท์ทำมา 2 ปี แต่ที่เราเน้นคือตลาดทรีอินวันเพราะมูลค่าตลาดมากกว่า 16,000 ล้านบาท เติบโต 10% หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของตลาดรวมกาแฟในไทยที่มีมูลค่า 20,000 ล้านบาท แต่ตลาดรวมเติบโตน้อยกว่าทรีอินวัน โดยคาดหวังว่าจากนี้อีก 5 ปีดาวคอฟฟี่จะมีส่วนแบ่ง 1-2% ในไทยให้ได้

ล่าสุดเตรียมเปิดตัวหนังโฆษณาเรื่อง “เอิ้นดาว” ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ดาวคอฟฟี่ในไทยให้มากขึ้นและการทำตลาดกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ เน้นช่องทางจำหน่ายผ่านคอนวีเนียนสโตร์ โมเดิร์นเทรด คอมมูนิตี้มอลล์ รวมจะใช้งบการตลาดในไทยปีนี้ประมาณ 80 ล้านบาท

นอกจากนั้นมีแผนที่จะทำคอนแทร็กฟาร์มมิ่งกับเกษตรกรในไทยที่ภาคเหนือ เพื่อหาทางร่วมมือกับในการพัฒนาเพาะปลูกกาแฟ เพื่อจะได้ลดต้นทุนในการนำเข้ามาจากลาว รวมทั้งการพัฒนาพวกพืชผักต่างๆ และการทำผลไม้อบแห้งด้วยซึ่งในไทยเริ่มจำหน่ายมาแล้ว 2 ปี ส่วนในไทยได้ศึกษามาแล้ว 2 ปี คาดว่าต้องใช้พื้นที่ 1,000 กว่าไร่ขึ้นไป คาดหวังผลผลิตประมาณ 500-600 ตันต่อปี ซึ่งจะเป็นแบบเดียวที่ทำในลาวเหมือนกันที่มี 2 โรงงานแล้ว รวมพื้นที่ผลิต 1,500 ไร่กับโครงการ เกษตรพันธุ์สัญญา หรือคอนแทร็กฟาร์มมิ่ง (Contract Farming) ซึ่งสนับสนุนเกษตรกรกว่า 100 ครอบครัว ซึ่งทางกลุ่มมีกำลังผลิตกาแฟรองรับได้อีก 5 ปี โดยมีโรงงานผลิตที่เมืองปากเซ แขวงจำปาสัก กำลังผลิต 450 กิโลกรัมต่อชั่วโมง หรือไม่น้อยกว่า 2,000 ตันต่อปี

สำหรับรายได้ในไทยมีประมาณ 20 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ โดยตั้งเป้าหมายปีนี้จะมีรายได้เติบโต 20% และเพิ่มเท่าตัวเป็น 40 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 5 ปีจากนี้

อย่างไรก็ตาม นอกจากตลาดในไทยแล้วในต่างประเทศ ทางกลุ่มดาวเรืองได้ขยายตลาดส่งออกหลายประเทศด้วยกลยุทธ์ 1 ประเทศต่อ 1 ดิสทริบิวเตอร์ เน้นที่อาเซียนคือ ไทย เวียดนาม พม่า กัมพูชา ส่วนที่ญี่ปุ่นเน้นกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า โดยมีมูลค่าการส่งออก 6,000 ตันต่อปี ส่วนที่จีนเน้นทรีอินวันเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพ และมั่นใจว่าหลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจเซียน หรือเออีซีแล้ว ลาวจะได้เปรียบมากที่สุดเนื่องจากการค้าขายชายแดนพิเศษอยู่ที่ลาว ส่งออกง่าย ขนส่งง่าย เป็นศูนย์กลางทางผ่านทั้งหมดของการขนส่งสินค้า

นอกจากนี้มีแผนจะเปิดตลาดตะวันออกกลางด้วยซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีคนดื่มกาแฟมาก โดยทำการศึกษาตลาดแล้วว่ามีพฤติกรรมดื่มกาแฟอย่างใด ชอบกาแฟแบบใด โดยเริ่มสำรวจประเทศจอร์แดนเป็นประเทศแรก

กลุ่มดาวเฮืองมีธุรกิจหลากหลายคือ ดิวตี้ฟรีชอป หรือร้านสินค้าปลอดอากร มี 7 สาขาและจะขยายสาขาที่ 8 ที่ชายแดนลาวใต้ –กัมพูชา ฝั่งลาว มีสัดส่วนรายได้กว่า 20% และธุรกิจกาแฟ สัดส่วนรายได้กว่า 80% จากรายได้รวมทั้งกลุ่ม 160 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เติบโตเฉลี่ย 20-30% ต่อปี โดยสัดส่วนรายได้มาจากในลาวเอง 20% และตลาดต่างประเทศ 80% ในตลาดหลักเช่น ญี่ปุน ไทย เอเซียและยุโรป และวางแผนอีก 5 ปีจากนี้จะมีรายได้เพิ่ม 320 ล้านเหรียญสหัฐ




กำลังโหลดความคิดเห็น