xs
xsm
sm
md
lg

กรมทางหลวงเผย 10 เส้นทางเกิดอุบัติเหตุบ่อย แนะเพิ่มความระมัดระวัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.)
กรมทางหลวงเผย 10 จุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ เตือนประชาชนผู้ใช้รถเพิ่มความระมัดระวังเมื่อต้องใช้เส้นทางเดินทางช่วงสงกรานต์ เผยมีทั้งทางโค้ง ทางลงเขา ทางลาดชัน ผ่านชุมชน แนะอย่าขับเร็ว พร้อมติด Mobile CCTV รายงานสภาพการจราจรแบบ Real time จุดแออัดเพื่อแก้ปัญหาได้ทัน

นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า บนทางหลวงทั่วประเทศนั้นจะมี 10 จุดที่กรมทางหลวงขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2557 เนื่องจากในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมามีกรณีการเกิดอุบัติเหตุบนทางหลวงและส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย

1. ทางหลวงหมายเลข 1 ช่วงประตูน้ำพระอินทร์-หนองแค (กม.60-67 ) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นทางตรง 10-12 ช่องจราจร (รวมทางขนานฝั่งละ 2 ช่องจราจร) บริเวณนี้ปริมาณการจราจรสูง และรถขนาดใหญ่วิ่งเป็นจำนวนมาก บางครั้งรถขนาดใหญ่ใช้ความเร็วสูงเกินกฎหมายกำหนด เกิดการตัดหน้ากระชั้นชิดบริเวณจุดเปิดเกาะกลาง

2. ทางหลวงหมายเลข 2 ช่วงหน้าค่ายเพชรรัตน์ (กม.24-34) จังหวัดสระบุรี เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นเส้นทางที่ตัดผ่านภูเขา มีโค้งหลายโค้งต่อเนื่องกัน และเป็นทางลาดชันลงเขา

3. ทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงเขาพะวอ (กม.23-30) และดอยรวก (กม.64-70) จังหวัดตาก ทั้ง 2 ช่วงเป็นทางที่ตัดผ่านภูเขาที่มีความคดเคี้ยว และลาดชัน รวมทั้งสภาพเป็นป่ารกทึบ ประกอบกับเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งไปยังประเทศพม่า ทำให้บริเวณดังกล่าวมีปริมาณการจราจรมาก

4. ทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงสะพานพ่อขุนผาเมือง (กม.347 -375) จังหวัดเพชรบูรณ์ บริเวณนี้เป็นทางลงเขาลาดชัน ยาวประมาณ 3 กม. เป็นทางโค้งรูปตัวเอส (S) ต่อเชื่อมกับสะพานคอนกรีต ข้ามทางระหว่างเขา ถนน 2 ช่องจราจร สะพานอยู่ระหว่างโค้ง (โค้งมีรัศมี 200 เมตร) ช่วงบริเวณสะพานเป็นเหวลึกกว่า 50 เมตร

5. ทางหลวงหมายเลข 32 ช่วงอำเภอพรหมบุรี (กม.77-82) จังหวัดสิงห์บุรี เนื่องจากเป็นถนนทางตรง ขนาด 6 ช่องจราจร มีจุดเปิดเกาะกลางกลับรถรอเลี้ยว ที่ กม.77+500, 78+000, 78+600, 80+340 และรถมักวิ่งด้วยความเร็วสูง หรือประชาชนอ่อนเพลียจากการขับรถเป็นระยะทางไกล ผู้ขับขี่หลับใน รวมถึงมีการตัดหน้ากระชั้นชิด

6. ทางหลวงหมายเลข 35 บริเวณสะพานแม่น้ำท่าจีน (กม.28-32) จังหวัดสมุทรสาคร เป็นเส้นทางเข้าเมืองสมุทรสาคร และไปอำเภอกระทุ่มแบน เป็นย่านชุมชน และโรงงานอุตสาหกรรม มีปริมาณการจราจรสูงและรถใช้ความเร็วสูง ประกอบกับเป็นทางโค้งและมีจุดเข้าออกทางขนานหลายแห่ง อีกทั้งรถจักรยานยนต์มักจะวิ่งย้อนศรบนสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน

7. ทางหลวงหมายเลข 304 ช่วงอุทยานทับลาน (กม.42-45) จังหวัดปราจีนบุรี เป็นเส้นทางที่ตัดผ่านภูเขาที่มีความคดเคี้ยวและลาดชัน มีรถบรรทุกหนักจำนวนมากวิ่งผ่าน ซึ่งรถเหล่านี้จะเคลื่อนตัวได้ช้าเมื่อวิ่งขึ้นเขา จึงเกิดการแซงกันของรถขนาดเล็กในระยะคับขัน ขณะเดียวกันรถบรรทุกและรถสัญจรโดยส่วนใหญ่ขณะขับลงเขามักจะใช้ความเร็วเกินกำหนด เมื่อมีสถานการณ์เฉพาะหน้าคับขันจะทำให้การควบคุมรถเป็นไปด้วยความยากลำบาก

8. ทางหลวงหมายเลข 225 ช่วงทางลงเขาพังเหย (กม.181-185) จังหวัดชัยภูมิ บริเวณนี้เป็นทางโค้ง และเป็นทางลาดชันสูง

9. ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงโค้งหนองหญ้าปล้อง (กม.365+013-365+113) และช่วงโค้งสายเพชร (กม.389+700-390+000) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นถนนสายหลักลงสู่ภาคใต้ เป็นทางโค้งต่อเนื่อง และมีจุดกลับรถอยู่ในบริเวณใกล้เคียง รถสัญจรด้วยความเร็วสูง

10. ทางหลวงหมายเลข 4197 ช่วงโค้งบางโสก (กม.5+400-8+680) จังหวัดพังงา เป็นทางโค้งลาดชันลงเนิน

นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์มักพบว่าช่วงวันแรกๆ ของการเดินทางปริมาณรถจะหนาแน่นในฝั่งขาออก แต่ถนนจะโล่งในฝั่งขาเข้า และในทางกลับกัน เมื่อประชาชนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ปริมาณรถจะหนาแน่นในฝั่งขาเข้า รถจะโล่งในฝั่งขาออก ทำให้รถจะวิ่งด้วยความเร็วสูงเพราะถนนโล่ง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน กรมทางหลวงจึงได้ประสานงานตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธรในพื้นที่ตั้งจุดสกัดบนทางหลวง พร้อมขอให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนระมัดระวังการเดินทางด้วย

สำหรับมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหาการจราจรใน 10 จุดข้างต้น กรมทางหลวงได้เตรียมพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยได้ดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบเคลื่อนที่ (Mobile CCTV) ในบริเวณที่มีปริมาณการจราจรมาก เพื่อรายงานสภาพการจราจร Online แบบ Real time และเพื่อสามารถเข้าไปบริหารจัดการการจราจรได้อย่างทันท่วงที, ติดตั้ง พร้อมตรวจสอบอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยต่างๆ ให้พร้อมใช้งาน เช่น หลักนำโค้งสะท้อนแสง ปุ่มสะท้อนแสงแบบหมุดลูกแก้ว 360 องศา ป้ายเตือน สีตีเส้นจราจร ป้ายนำทาง ป้ายบังคับ พร้อมป้ายแนะนำเส้นทาง

ดูแลสัญญาณไฟจราจร ไฟกะพริบ ไฟส่องทาง ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน, จัดให้มีจุดบริการประชาชน 200 จุด (เต็นท์สีเหลือง) ทั่วประเทศ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เพื่อให้บริการประชาชนพักรถ พักผ่อนอิริยาบถก่อนการเดินทาง, ตัดแต่งกิ่งไม้ พุ่มไม้ วัชพืช ไม้เล็กทั้งสองข้างทางโดยเฉพาะบริเวณทางโค้งเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการเดินทาง,จัดเจ้าหน้าที่พร้อมยานพาหนะเพื่อให้บริการประชาชน, ประสานงานตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธรในพื้นที่ ตั้งจุดสกัดบนทางหลวง เพื่อบังคับใช้กฎหมายของผู้ขับขี่เกินกว่ากฎหมายกำหนด, ขอความร่วมมือบริษัทผู้รับเหมาหยุดงานก่อสร้างทุกสายช่วงเทศกาลสงกรานต์ (10-17 เมษายน 2557) เพื่อคืนพื้นผิวจราจรแก่ประชาชน

และประสานกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และบริษัทขนส่ง จำกัด ( บขส.) ในการแจ้งเตือนผู้ขับรถโดยสารและรถบรรทุกให้ระมัดระวังในการเดินทางบนทางหลวงในช่วงเส้นทางที่มีความลาดชันเกิน 7% และที่เป็นทางโค้งต่อเนื่องระยะทางยาวกว่า 3 กิโลเมตรเป็นต้นไป และขอความร่วมมือให้หยุดวิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์

โดยจากสถิติข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุบนทางหลวงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีที่ผ่านมา (ปี 2550-2556) พบว่าสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนทางหลวง คือ การขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (49.78%) การตัดหน้ากระชั้นชิด (13.64%) เมาสุราในการระหว่างการเดินทาง (10.93%) และสาเหตุอื่น ๆ (25.65%)

อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงไม่ได้นิ่งนอนใจในการดูแลรักษาทางหลวง ได้แก้ไขปรับปรุงเส้นทาง เพิ่มและตรวจสอบอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยต่างๆ ให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา จึงขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางศึกษาเส้นทางก่อนการออกเดินทาง ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง พักผ่อนให้เพียงพอ และหากรู้สึกง่วงขณะขับรถให้จอดแวะพักในจุดบริการของกรมทางหลวง รวมทั้งต้องไม่ขับขี่ขณะมึนเมา และที่สำคัญขอให้เคารพกฎจราจร กฎหมายอย่างเคร่งครัด หรือหากมีปัญหาในการเดินทาง โทร.สอบถามได้ที่สายด่วน 1586 กรมทางหลวง ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
กำลังโหลดความคิดเห็น