กฟผ.ปรับลดความต้องการใช้ไฟสูงสุดหรือพีกปีนี้ลงอีกเป็นรอบที่ 3 ตามการเติบโตของจีดีพีที่ลดต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าพีกจะอยู่ที่ระดับ 2.675 เมกะวัตต์ โตเพียง 1% จากปีก่อนซึ่งต่ำสุดรอบ 3 ปี เตรียมรับมือก๊าซเจดีเอหยุดจ่าย เร่งแผนลดใช้ไฟจากเอกชนและประชาชน แต่ยังหวั่นๆ เจอช่วงบอลโลก
นายสุนชัย คำนูนเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยในงานสัมมนาสื่อมวลชน “ความพร้อมของ กฟผ.ในการสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้า” ว่า ขณะนี้ กฟผ.ได้ปรับการคาดการณ์การใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือพีกปี 2557 ใหม่อีกครั้งเป็นรอบที่ 3 ตามการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประะเทศ หรือจีดีพี ที่ล่าสุดคาดว่าจะลดการเติบโตจาก 4% เหลือประมาณ 2% ก็จะส่งผลให้การใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือพีกที่เคยคาดว่าจะอยู่ที่ 2.72 หมื่นเมกะวัตต์เหลือเป็น 2.675 หมื่นเมกะวัตต์เท่านั้น
“ถือเป็นการปรับพีกเป็นรอบที่ 3 ของปีนี้ จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ 2.72 หมื่นเมกะวัตต์ ลดเหลือ 2.7 หมื่นเมกะวัตต์ก็เหลือที่ 2.675 หมื่นเมกะวัตต์ หรือพีกปีนี้น่าจะโตเพียง 1% จากปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเติบโตในระดับต่ำสุดรอบ 3 ปีนับตั้งแต่ปีน้ำท่วม ซึ่งผลจากการเติบโตของเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่วนอากาศที่ร้อนขณะนี้ กฟผ.ประเมินว่าจะเกิดพีกช่วง 25-30 เม.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม การใช้ไฟไตรมาสแรกปีนี้ลดลง 33.5%” นายสุนชัยกล่าว
นายสุธน บุญประสงค์ รองผู้ว่าการระบบส่ง กฟผ. กล่าวว่า กฟผ.ร่วมกับกระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ร่วมดำเนินการลดใช้ไฟในช่วงพีกในช่วงก๊าซเจดีเอหยุดจ่ายช่วง 13 มิ.ย.-10 ก.ค.นี้ ซึ่งจะกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา โดยจะประสานกับประชาชนและเอกชนในพื้นที่ช่วยลดการใช้ไฟฟ้า 250-300 เมกะวัตต์
“คาดว่าช่วงดังกล่าวความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือพีก จะอยู่ที่ 2,450-2,500 เมกะวัตต์ ในขณะที่กำลังผลิตในภาคใต้อยู่ที่ 2,300 เมกะวัตต์ แต่จากที่เจดีเอหยุดผลิตโรงไฟฟ้าจะนะ 700 เมกะวัตต์จะหายไป กำลังผลิตจะเหลือ 1,600 เมกะวัตต์ เท่ากับการใช้ไฟฟ้าจะเกินกำลังผลิต 900 เมกะวัตต์ หากจะส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปทั้งหมดจะเกิดความเสี่ยงหากส่งเกิน 700 เมกะวัตต์ ดังนั้นจึงต้องขอความร่วมมือประชาชน/ภาคเอกชนลดการใช้พลังงาน ในขณะที่ กฟผ.เตรียมความพร้อมด้านประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าอื่นๆ และสายส่งไม่ให้เกิดปัญหา” นายสุธนกล่าว
