“พาณิชย์”เตรียมจัดงาน “มหกรรมการค้าลุ่มน้ำโขง” ครั้งที่ 2 ที่หนองคาย วันที่ 3-8 เม.ย.นี้ นำสินค้า SMEs OTOP สินค้าส่งออก แฟรนไชส์ ธงฟ้า และสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาจำหน่าย พร้อมเปิดคลินิกให้คำปรึกษาลู่ทางการทำการค้า การลงทุนกับเพื่อนบ้าน และจัด Business Matching ขยายการค้า
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะจัดงาน “มหกรรมการค้าลุ่มน้ำโขง” ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 3-8 เม.ย.2557 ที่จังหวัดหนองคาย โดยจะจัดงานแสดงสินค้าและจำหน่ายสินค้าไทยกับสินค้าประเทศเพื่อนบ้าน และจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการของไทย และเพิ่มช่องทางการตลาดและการสร้างเครือข่ายธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทยกับเพื่อนบ้าน ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการขยายการค้าชายแดน และเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558
ทั้งนี้ ในการจัดงานแสดงสินค้า จะมีบูธจำหน่ายสินค้าจำนวนกว่า 400 คูหา โดยจำหน่ายสินค้า OTOP Select และสินค้า SMEs คุณภาพจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ สินค้ามาตรฐานส่งออก สินค้าแฟรนไชส์และธุรกิจบริการ สินค้าทรัพย์สินทางปัญญา สินค้าธงฟ้า สินค้าศิลปาชีพระหว่างประเทศ สินค้าอินทรีย์ สินค้าเครื่องจักรกลการเกษตร สินค้าอาหารดีจากทั่วประเทศและสินค้าเครือสหพัฒน์ สินค้าหัตถกรรมและ SMEs จากประเทศในกลุ่มอาเซียน เช่น สปป.ลาว เวียดนาม และจีน (ตอนใต้)
นางศรีรัตน์กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการค้า การลงทุน กับประเทศเพื่อนบ้าน กระทรวงฯ จะเปิดคลีนิกให้คำปรึกษาธุรกิจการค้า โดยจัดสัมมนาผู้ประกอบการภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยที่มีความสนใจในการทำการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน ในวันที่ 3 เม.ย.2557 ณ โรงแรมอัศวรรณ จังหวัดหนองคาย และจะจัดประชุมเชื่อมโยงความสัมพันธ์เพื่อลดอุปสรรคทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนไทยกับเอกชนของสปป.ลาว ในวันที่ 4 เม.ย.2557 เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาทางการค้าระหว่างกัน
นอกจากนี้ จะจัดกิจกรรมการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เป็นการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยกับสปป.ลาว โดยจะมีพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) เจรจาจับคู่ธุรกิจในวันที่ 4 เม.ย.2557
“กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมจำหน่ายสินค้า จะมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าตลอดงานไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท ขณะที่ประชาชนจะมีทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีจากผู้ประกอบการที่นำมาจำหน่าย และยังช่วยลดค่าครองชีพ ส่วนผู้ผลิต ผู้ประกอบการยังสามารถขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการขยายการค้า การลงทุน กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ สปป.ลาวได้เพิ่มขึ้น”นางศรีรัตน์กล่าว
