ศูนย์ข่าวขอนแก่น - กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศติวเข้มผู้ประกอบการ SMEs อีสาน หวังเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต-การตลาดพร้อมยกระดับเข้าสู่เวทีการค้าที่กว้างขึ้นในประเทศและต่างประเทศ แนะเตรียมตัวรับตลาดใหม่เออีซีที่กำลังจะเปิดในเร็วๆ นี้
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (19 พ.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 1 โรงแรมเซ็นทาราคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ขอนแก่น นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานเปิดการอบรมในหัวข้อกลยุทธ์การบริหารการค้าสู่ความสำเร็จ ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดการฝึกอบรมขึ้น โดยมีผู้ประกอบการสินค้าพื้นเมือง สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และกลุ่มสินค้า SMEs จากทั้ง 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมรับการอบรมรวมกว่า 70 คน ใน 50 ผลิตภัณฑ์
นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้แก่กลุ่มผู้ผลิตสินค้าของไทยในทุกประเภทเป็นนโยบายที่เด่นชัดที่สุดของกรมส่งเสริมการค้าฯ เพื่อที่จะยกระดับให้แก่สินค้าและมาตรฐานสินค้าของไทยให้ก้าวสู่สายตาตลาดการค้าระดับโลก
โดยเฉพาะการนำสินค้าของไทยเข้าสู่ตลาดการค้าระหว่างประเทศจนนำไปสู่การเจรจาคู่ค้าให้ได้สำเร็จ ซึ่งการจัดการอบรมที่ จ.ขอนแก่นในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้สินค้าในระดับท้องถิ่น 20 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าพื้นเมือง สินค้าโอทอป และกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศได้เข้าร่วมโครงการและต่อยอดไปสู่การค้าในระดับนานาชาติได้โดยสำเร็จ
นายเอกฉัตรระบุอีกว่า การแสวงหาโอกาสถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องให้ความสำคัญ ทั้งนี้ สินค้าที่ผลิตกันอยู่ในปัจจุบันหลายๆ ประเภทนั้นไม่ได้มาตรฐานและไม่เข้าหลักเกณฑ์ของการรับการส่งเสริมฯ หรือเป็นไปตามความต้องการของตลาด ดังนั้น การทำหน้าที่ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจำเป็นจะต้องให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ
“สินค้าบางอย่างดีเยี่ยมในประเทศไทยแต่ไม่สามารถส่งขายในต่างปะเทศได้และบางอย่างไม่สามารถเป็นสินค้าส่งออกได้ ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมอบรมจะรับทราบถึงเคล็ดลับ ระเบียบ และปัญหาว่าด้วยการส่งออกทั้งหมด นอกจากนี้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในตลาดการค้าระดับประเทศและระดับนานาชาติได้มาร่วมแลกเปลี่ยนในงานอีกด้วย”
นายเอกฉัตรกล่าวต่ออีกว่า การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 เป็นโอกาสที่สำคัญที่ผู้ประกอบการไทยจะมีโอกาสเข้าไปเจาะกลุ่มตลาดในประเทศดังกล่าวได้ โดยเฉพาะประเภทอาหาร การบริการ และเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งกรมฯ พร้อมให้การส่งเสริมให้ผู้ประกอการท้องถิ่นเข้าสู่การเจรจาการค้าและร่วมกระจายสินค้าในตลาดใหม่
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกัมพูชา, พม่า และลาว ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยได้อย่างมากเลยทีเดียว
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (19 พ.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 1 โรงแรมเซ็นทาราคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ขอนแก่น นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานเปิดการอบรมในหัวข้อกลยุทธ์การบริหารการค้าสู่ความสำเร็จ ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดการฝึกอบรมขึ้น โดยมีผู้ประกอบการสินค้าพื้นเมือง สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และกลุ่มสินค้า SMEs จากทั้ง 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมรับการอบรมรวมกว่า 70 คน ใน 50 ผลิตภัณฑ์
นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้แก่กลุ่มผู้ผลิตสินค้าของไทยในทุกประเภทเป็นนโยบายที่เด่นชัดที่สุดของกรมส่งเสริมการค้าฯ เพื่อที่จะยกระดับให้แก่สินค้าและมาตรฐานสินค้าของไทยให้ก้าวสู่สายตาตลาดการค้าระดับโลก
โดยเฉพาะการนำสินค้าของไทยเข้าสู่ตลาดการค้าระหว่างประเทศจนนำไปสู่การเจรจาคู่ค้าให้ได้สำเร็จ ซึ่งการจัดการอบรมที่ จ.ขอนแก่นในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้สินค้าในระดับท้องถิ่น 20 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าพื้นเมือง สินค้าโอทอป และกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศได้เข้าร่วมโครงการและต่อยอดไปสู่การค้าในระดับนานาชาติได้โดยสำเร็จ
นายเอกฉัตรระบุอีกว่า การแสวงหาโอกาสถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องให้ความสำคัญ ทั้งนี้ สินค้าที่ผลิตกันอยู่ในปัจจุบันหลายๆ ประเภทนั้นไม่ได้มาตรฐานและไม่เข้าหลักเกณฑ์ของการรับการส่งเสริมฯ หรือเป็นไปตามความต้องการของตลาด ดังนั้น การทำหน้าที่ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจำเป็นจะต้องให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ
“สินค้าบางอย่างดีเยี่ยมในประเทศไทยแต่ไม่สามารถส่งขายในต่างปะเทศได้และบางอย่างไม่สามารถเป็นสินค้าส่งออกได้ ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมอบรมจะรับทราบถึงเคล็ดลับ ระเบียบ และปัญหาว่าด้วยการส่งออกทั้งหมด นอกจากนี้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในตลาดการค้าระดับประเทศและระดับนานาชาติได้มาร่วมแลกเปลี่ยนในงานอีกด้วย”
นายเอกฉัตรกล่าวต่ออีกว่า การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 เป็นโอกาสที่สำคัญที่ผู้ประกอบการไทยจะมีโอกาสเข้าไปเจาะกลุ่มตลาดในประเทศดังกล่าวได้ โดยเฉพาะประเภทอาหาร การบริการ และเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งกรมฯ พร้อมให้การส่งเสริมให้ผู้ประกอการท้องถิ่นเข้าสู่การเจรจาการค้าและร่วมกระจายสินค้าในตลาดใหม่
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกัมพูชา, พม่า และลาว ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยได้อย่างมากเลยทีเดียว