“โซลาร์ตรอน” จ่อรุกโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่น 30 เมกะวัตต์ โดยจะนำแผ่นเซลล์แสงอาทิตย์ที่ผลิตได้ในไทยไปติดตั้งที่ญี่ปุ่น จ่อเพิ่มทุนขายผู้ถือหุ้นเดิม 150 ล้านหุ้น เพื่อนำเงินไปลงทุนสร้างโรงงานฯ เฟส 2 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 120 เมกะวัตต์ หลังออเดอร์จากสหรัฐฯ และยุโรปทะลัก 1 พันล้านบาท ดันรายได้ปีนี้โตกว่า 30%
นางปัทมา วงษ์ถ้วยทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) (SOLAR) ผู้นำในการผลิตแผ่นเซลล์และแผงเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดมัลติ-คริสตัลไลน์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างชาติในการร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้เริ่มก่อสร้างและแล้วเสร็จในปลายปี 2558
การร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่น บริษัทฯ จะร่วมทุนอย่างน้อย 50% โดยจะนำแผ่นเซลล์แสงอาทิตย์ที่ผลิตได้ในไทยไปติดตั้งโรงงานที่ญี่ปุ่น ซึ่งโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ทั่วไปต้นทุนกึ่งหนึ่งมาจากแผ่นเซลล์แสงอาทิตย์ โดยบริษัทฯ คาดว่าโรงงานดังกล่าวจะสร้างรายได้รวม 5-6 พันล้านบาท/ปี โดย SOLAR จะรับรู้รายได้กึ่งหนึ่งตามสัดส่วนการถือหุ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการลงทุนในประเทศเยอรมนีด้วย นอกเหนือจากญี่ปุ่น
นางปัทมากล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานผลิตแผ่นเซลล์และแผงแสงอาทิตย์เพิ่มอีก 120 เมกะวัตต์จากปัจจุบันผลิตอยู่ 70 เมกะวัตต์ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งปีนี้จะใช้เงินลงทุนเพียง 400 ล้านบาท
สำหรับแหล่งเงินลงทุนนั้นมีหลายทางเลือกทั้ง การกู้ยืมสถาบันการเงิน เนื่องจากมีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำ (D/E) อยู่ที่ 0.45 เท่า หรือการขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เม.ย.นี้ เพื่อขอมติการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) โดยจะเพิ่มทุน 30% หรือ 150 ล้านหุ้นเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ประมาณกลางปีนี้ โดยหุ้นที่เหลือจากการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนนี้ก็จะขายแก่นักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) ทำให้ได้เม็ดเงินเพียงพอต่อการลงทุนโรงงานดังกล่าว
นางปัทมากล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับออเดอร์จากการขายแผ่นเซลล์แสงอาทิตย์ให้แก่ลูกค้าในยุโรปและอเมริกา มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีข้างหน้า
ดังนั้น ผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีรายได้โตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.38 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิมากกว่า 30% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 121 ล้านบาท
“SOLAR มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน โดยสามารถเข้าลงทุนได้ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เพราะมีเทคโนโลยีที่เป็นที่ยอมรับเทียบเท่ากับต่างประเทศ จึงทำให้ได้เปรียบเชิงพาณิชย์ ส่วนปีนี้บริษัทฯ มีแผนขยายตลาดออกไปในต่างประเทศมากขึ้น เช่น ยุโรป อเมริกา และประเทศในแถบอาเซียน โดยรับออเดอร์เต็มจนถึงปี 2015 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 10%” นางปัทมากล่าว