ปัญหาการเมือง ดับตลาดอีเวนต์ทรุดลง 30% ต่ำสุดในรอบ 6 ปี “อินเด็กซ์” ขยับตัวครั้งใหญ่ วางตัวเป็น “ครีเอทีฟ เน็ตเวิร์คกิ้ง” ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ลดเสี่ยง มุ่งเจาะธุรกิจนอนอีเว้นท์มากขึ้น หวัง 3-5 ปี รายได้หลักมาจากต่างประเทศ และอีเวนต์มีสัดส่วนรายได้ต่ำกว่า 50% ล่าสุดผุด ”อินสปายริ่ง วิสดอม” เสริมทัพ ธุรกิจเทรนนิ่งดึงศักยภาพบุคคลสู่ตลาดแรงงานรับเออีซี หวังรายได้ 25 ล้านบาทในปีแรก
นายเกรียงไกร กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์มูลค่า 13,500 ล้านบาท ปีนี้มีแนวโน้มจะลดลงถึง 30% ต่ำสุดในรอบ 6 ปี แม้ว่า 6 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยจะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการเมืองที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้อีเวนต์ลดลงอยู่แล้วก็ตาม
แต่ปีนี้นอกจากปัญหาการเมืองยังมีเรื่องของเศรษฐกิจ ที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้อีเวนต์ลดลง ยังไม่รวมเรื่องการชุมนุมและปัจจัยอื่นๆเข้ามาอีก เห็นได้จากไตรมาสแรกที่ผ่านมาจำนวนงานอีเวนต์มีน้อยมาก หรือลดลง 10% จากช่วงปกติ คิดเป็นมูลค่าที่หายไปกว่า 330-400 ล้านบาท โดยลูกค้าขอเลื่อนงานออกไป และยกเลิกในภายหลัง
ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าธุรกิจอีเวนต์จะดีขึ้นหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองเท่านั้น แม้ว่าจะมีบิ๊กอีเวนต์ใหญ่ เช่น ช่วงสงกรานต์ ซึ่งพบว่ามีอีเวนต์เกิดขึ้นน้อยมากไม่เท่าปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทเองได้ยกเลิกจัดงานอีเวนต์สงกรานต์ไปแล้ว 1 งาน รวมถึงช่วงบอลโลกที่น่าจะทำให้อีเวนต์กลับมาเติบโตแต่ยังคาดการณ์ได้ยากว่าจะออกมาเป็นแบบใด
อย่างไรก็ตาม 3-4 ปีที่ผ่านมา อินเด็กซ์คาดการณ์ไว้แล้วว่าอีเวนต์จะมีทิศทางลดลง จึงได้ปรับตัวมาตลอด หวังสร้างสมดุลย์รายได้ เช่น บุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น และขยายธุรกิจไปยังกลุ่มธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับอีเวนต์โดยตรง แต่เอื้อในการดำเนินธุรกิจ เช่น ผลิตรายการโทรทัศน์ประเภทวาไรตี้ภายใต้บิซิเนสยูนิตที่ชื่อ วิลเลจ เทเลวิชั่น ปีนี้จะเห็น 10 รายการป้อนให้กับดิจิตอลทีวี ทั้งช่อง 9 ดิจิตอล, เนชั่นทีวี, ไทยรัฐทีวี และแกรมมี่ สิ้นปีน่าจะมีรายได้ 50 ล้านบาท จากปีก่อนมี 4 รายการ ทำรายได้เพียง 3-5 ล้านบาท เป็นต้น
ล่าสุดปีนี้บริษัทอยู่ในช่วงการปรับและวางโครงสร้างธุรกิจใหม่ จะแล้วเสร็จกลางปีนี้ ซึ่งอินเด็กซ์จะวางตัวเองเป็น “ครีเอทีฟ เน็ตเวิร์คกิ้ง” มากกว่าผู้นำด้านอีเวนต์อย่างที่ผ่านมา ซึ่งธุรกิจใดที่ไม่ทำรายได้จะยกเลิกไปราว 2-3 บริษัท และจะเน้นขยายธุรกิจนอนอีเวนต์เพิ่มอีก 2-3 บริษัทในปีนี้ จากปัจจุบันอินเด็กซ์ มีบริษัทในเครือกว่า 16 บริษัท 7 บิซิเนสยูนิต และ 9 เซอร์วิส
ล่าสุดจับมือกับครูเคท-ดร.เนตรปรียา ชุมไชโย ผุดบริษัท อินสปายริ่ง วิสดอม ดำเนินธุรกิจด้านเทรนนิ่ง รับตลาดเออีซีที่กำลังจะเปิด ในปีแรกจะมีรายได้ 25 ล้านบาท ถึงสิ้นปีน่าจะส่งให้ภาพรวมรายได้อินเด็กซ์ทรงตัวหรือดีกว่าปีก่อน โดยการเติบโตหลักจะมาจากธุรกิจนอนอีเวนต์เป็นหลัก ส่วนธุรกิจอีเวนต์ตกลงตามสภาพตลาด
“หลังจากนี้อินเด็กซ์จะก้าวสู่ความเป็น ครีเอทีฟ เน็ตเวิร์คกิ้ง โดยจะลดบทบาทของธุรกิจอีเวนต์ลงมา และเน้นธุรกิจใหม่ๆมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจในต่างประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้หลักต่อไป หรือจะต้องสร้างรายได้มากกว่า 50% ของรายได้รวม จากเดิมธุรกิจอีเวนต์จะทำรายได้หลักที่ 80% และนอนอีเวนต์ 20% สิ้นปีนี้น่าจะเห็นภาพอีเวนต์ลดลงเหลือ 70% และนอนอีเวนต์เพิ่มเป็น 30% โดยภายใน 3-5 ปีข้างหน้า อีเวนต์จะทำรายได้ต่ำกว่า 50% นายเกรียงไกร กล่าวในที่สุด