“แพรนด้า จิวเวลรี่” ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 10% หลังมีสัญญาณการฟื้นตัวเด่นชัดในตลาดสหรัฐฯ และอียู ฟุ้ง 2 เดือนแรกนี้ยอดขายทั้งในและต่างประเทศโตตามเป้าหมาย มั่นใจทั้งปีกำไรพุ่ง ทุ่มงบลงทุน 180 ล้านบาท ขยายจุดจำหน่ายในต่างประเทศและปรับปรุงเครื่องจักร
นายชนัตถ์ สรไกรกิติกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ (สายตลาด) บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) (PRANDA) เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ ยอดขายเครื่องประดับของบริษัทฯ ไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มสูงขึ้นแม้ว่าจะเกิดปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง รวมทั้งตลาดในต่างประเทศก็มีการยอดขายที่ดีขึ้น อาทิ เยอรมนี ก็เป็นไปตามเป้าหมาย ตลาดสหรัฐฯ ก็ดี สืบเนื่องจากภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้มั่นใจว่าเป้าหมายยอดขายในปีนี้จะกลับมาเติบโตได้ตามปกติอยู่ที่ 10% อยู่ที่ 4 พันล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) น่าจะกลับสู่ภาวะปกติที่ระดับเกินกว่า 30% จากปีก่อนอยู่ที่ 28% ทำให้กำไรสุทธิในปีนี้จะโตสูงกว่าปีก่อนมาก
อย่างไรก็ตาม ผลดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้ คงเติบโตไม่มากเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายในไตรมาส 1/2556 ยังไม่ได้รับผลกระทบจากราคาทองตกลงอย่างรวดเร็ว
จากสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในอียูและสหรัฐฯ ที่ดีขึ้น และตลาดเอเชียก็ยังเป็นตลาดที่ดีอยู่ โดยเฉพาะอาเซียนกำลังก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ทำให้บริษัทฯ หันมารุกขยายตลาดค้าปลีกสินค้าแบรนด์ในกลุ่มแพรนด้า ทั้งพรีม่า โกลด์, พรีม่า ไดมอนด์, พรีม่า อาร์ต และ จูเลีย เป็นต้น โดยมีเป้าหมายในอนาคตยอดขายสินค้าแบรนด์ตัวเองคิดเป็น 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% ของรายได้รวม
ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ 180 ล้านบาท แบ่งเป็นการเปิดร้านค้าปลีกเพิ่มในเวียดนามและอินโดนีเซีย 50 ล้านบาท การตั้งศูนย์ออกแบบและพัฒนาสินค้าของตนเอง 50 ล้านบาท และการปรับปรุงเครื่องจักร 80 ล้านบาท
“ตลาดอียูฟื้นตัวขึ้น และตลาดเอเชียยังเป็นสตาร์กลับมาดีอยู่ โดยเวียดนามปีที่แล้วยอดขายโตขึ้น 100% แต่ตลาดยังเล็กอยู่ ส่วนอินโดนีเซียยอดขายโต 25% ส่วนอินเดียทรงตัว เนื่องจากรัฐบาลอินเดียปรับขึ้นภาษีนำเข้าทองเป็น 10% ทำให้ตลาดทองและอัญมณีชะงักไป ขณะที่ทิศทางราคาทองคำในปีนี้คงไม่ผันผวนเหมือนหลายปีก่อน”
นายชนัตถ์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯ มีแผนเปิดสาขาที่เวียดนามเพิ่มขึ้น 4 สาขารวมเป็น 14 สาขา และอินโดนีเซียนจะเปิดร้านจูเลียเพิ่มอีก 10 สาขารวมเป็น 50 สาขา ส่วนเปิดสาขาในไทยนั้นคงเพิ่มตามการขยายห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ที่จะเปิดในต่างจังหวัด
ผลการดำเนินงานปี 2556 บริษัทมีรายได้จากการขาย 3.64 พันล้านบาท ลดลง 12.6% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 165 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 450 ล้านบาท เป็นผลจากราคาทองคำที่ลดลง 15% และสภาพปัญหาทางเศรษฐกิจของอียูที่ยังไม่ฟื้นตัว
