“กรมการค้าต่างประเทศ” แนะเอกชนไทยเร่งขยายการค้าชายแดนและเพิ่มการลงทุนกับพม่า รองรับเปิด AEC หลังชาติตะวันตกเลิกคว่ำบาตร ทุนไหลเข้า เผยไทยมีโอกาสมากกว่า เหตุเป็นเพื่อนบ้านและสมาชิกอาเซียนด้วยกัน เผยล่าสุดนำคณะบุกเมียวดีหารือเพิ่มการค้า
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้กรมฯ ได้ลงพื้นที่ไปให้ความรู้และความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการในจังหวัดตากและพื้นที่ใกล้เคียง ที่ตั้งอยู่บนระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก ตะวันตก ภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อผลักดันให้เอกชนไทยใช้ประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2558 ในการขยายโอกาสทางการค้าชายแดน โอกาสทางธุรกิจ และขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ กรมฯ ได้เล็งเห็นว่าหลังจากชาติตะวันตกได้ผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรพม่า ได้ทำให้พม่ากลายเป็นจุดสนใจของนักลงทุนทั่วโลก เพราะมีทรัพยากรธรรมชาติมาก มีค่าจ้างแรงงานต่ำที่สุดในอาเซียน สามารถรองรับการย้ายฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เน้นใช้แรงงานได้ จึงมีนักลงทุนไหลเข้าไปอย่างต่อเนื่อง และในส่วนของไทยซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านและเป็นสมาชิกอาเซียนด้วยกัน จึงควรให้ความสนใจในการทำการค้า การลงทุนกับพม่า โดยเฉพาะการค้าชายแดนที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะไทยมีชายแดนติดกันถึง 2,400 กิโลเมตร
“กรมฯ มีแผนที่จะผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยขยายมูลค่าการค้าชายแดนกับพม่า โดยใช้ประโยชน์จากการเป็นประเทศเพื่อนบ้าน เป็นสมาชิกอาเซียนเหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการส่งเสริมการค้าชายแดนขยายการลงทุน โดยการย้ายฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นไปยังเมียนมาร์แล้ว และมีแผนที่จะผลักดันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องและสนใจทำการค้า การลงทุน ไปเยือนพม่า เพื่อหาโอกาสและลู่ทางการค้าต่อไป”
น.ส.บรรจงจิตต์กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมฯ ได้มีการหารือถึงแนวทางพัฒนาความร่วมมือในการส่งเสริมพัฒนาการค้าชายแดนไทย-พม่า กับประธานหอการค้าชายแดนเมืองเมียวดี โดยทั้งสองฝ่ายได้แสดงเจตจำนงที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าชายแดนร่วมกัน โดยมีผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนทั้งส่วนกลางและพื้นที่เข้ารับเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขอุปสรรคทางการค้า การจัดเจรจาธุรกิจ และการจัดงานแสดงสินค้า
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้เยี่ยมชมเขตเศรษฐกิจเมืองเมียวดี มีพื้นที่รวม 1,165 ไร่ ในโครงการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 บริเวณ ได้แก่ ฝั่งสินค้านำเข้า ซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกับช่องทางเดินรถขาเข้าจากชายแดนที่มุ่งไปทางเมืองกอกาเระ มีสินค้านำเข้าจากไทย เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค และของใช้ในบ้าน และฝั่งสินค้าขาออก ฝั่งเดียวกับช่องทางเดินรถขาออกมุ่งไปชายแดนฝั่งไทย มีสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น พืชไร่ สินแร่ และสิ่งประดิษฐ์จากไม้ แต่การขนส่งสินค้าผ่านเขตการค้าชายแดนเมียวดี จะกำหนดให้เดินรถวันละหนึ่งเส้นทาง ระหว่างขาเข้าและขาออก เนื่องจากเส้นทางคับแคบ จึงต้องสลับวิ่ง ซึ่งไทยกำลังให้ความช่วยเหลือสร้างทางใหม่ 2 ช่องจราจร ผ่านเทือกเขาตะนาวศรี ระยะทาง 40 กิโลเมตร หากสร้างเสร็จจะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนขนส่งสินค้าลง และเพิ่มศักยภาพการค้าชายแดนอีกเท่าตัว
สำหรับมูลค่าการค้าชายแดนไทย-พม่าในปี 2556 มีมูลค่ารวม 196,866 ล้านบาท เป็นการส่งออก 79,452 ล้านบาท นำเข้า 117,414 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องดื่ม ผ้าผืนและด้าย และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ ขาดดุลการค้า 37,962 ล้านบาท โดยปัจจุบันด่านแม่สอดเป็นด่านชายแดนที่มีความสำคัญที่สุด เนื่องจากมีมูลค่าการค้าเฉพาะสินค้าไม่รวมก๊าซธรรมชาติสูงสุด รวมทั้งมีสินค้าส่งออกของไทยที่สามารถขนส่งผ่านแดนไปยังประเทศอินเดีย บังคลาเทศ และเนปาล โดยอาศัยช่องทางแม่สอด-ย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์-ทามู ได้อีกด้วย
