ไทย-มาเลย์-อินโดฯ ชิงเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

ค่ายรถจับตานโยบายส่งเสริมฯ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 3 ประเทศ ไทย มาเลเซีย อินโดฯ ชี้ไทยมีลุ้นจากซัปพลายเชนผลิตชิ้นส่วนพร้อมแต่ต้นทุนสูงกว่าอีก 2 ประเทศ ลุ้นปัญหาการเมืองจบเร็วเดินหน้าอีโคคาร์ 2

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ผลิตรถยนต์กำลังติดตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศในอาเซียนที่มีศักยภาพการเป็นฐาน 3 ประเทศที่เป็นเป้าหมาย คือ ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งแต่ละประเทศยังไม่มีนโยบายส่งเสริมเรื่องนี้โดยเฉพาะออกมาอย่างชัดเจน ขณะที่สหรัฐอเมริกา และยุโรปมีนโยบายชัดเจนถึงทิศทางส่งเสริมในอีก 10-20 ปีข้างหน้าแล้ว

“สหรัฐฯ มีนโยบายให้งบประมาณอุดหนุนผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการขนส่งที่ไม่พึ่งพิงน้ำมัน ซึ่งเป็นนโยบายที่ต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ให้การส่งเสริมผลิตอุปกรณ์ด้านขนส่งที่เป็นไฮบริดจ์ ตอนนี้ค่ายรถแต่ละรายจึงต้องเริ่มมีการมองหาฐานผลิตว่าจะลงที่ไหน ซึ่งในอาเซียนตอนนี้ที่เป็นที่สนใจของผู้ผลิตคือไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย” นายสุรพงษ์กล่าว

ทั้งนี้ ไทยมีข้อได้เปรียบอยู่ในแง่ที่มีห่วงโซ่การผลิตที่แข็งแกร่งกว่า มีผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนให้จำนวนมาก และปัจจุบันก็เป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 9 ของโลก อันดับ 1 ของอาเซียน ด้วยส่วนแบ่งการผลิตอยู่ที่ 55% ของการผลิตทั้งภูมิภาค แต่ไทยมีข้อเสียเปรียบมาเลเซียและอินโดนีเซียในแง่ของต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า ขณะที่มาเลเซียจะมีจุดเด่นในแง่ต้นทุนพลังงานที่ถูกซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลมาเลเซียใช้ดึงดูดการลงทุนในปัจจุบัน ส่วนอินโดนีเซียมีจุดเด่นในแง่ของต้นทุนค่าแรง และจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพในอนาคต

นายสุรพงษ์กล่าวว่า สำหรับโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ 2 (อีโคคาร์ 2) ตอนนี้ผู้ผลิตรถค่ายต่างๆ ยังอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลและติดตามความชัดเจนทางการเมืองในประเทศเพราะยังมีเวลาไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. 2557 ส่วนรถยนต์อีโคคาร์ รุ่นที่1 ก็ยังดำเนินการผลิตตามปกติ และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้สูงขึ้นจากที่ผู้ผลิตบางรายสามารถเปิดตลาดใหม่ได้ตั้งแต่กลางปี 2556 ทั้งในสหรัฐฯ แคนาดา