เอเอฟพี - ราคาน้ำมันตลาดสหรัฐฯ วานนี้ (6) ขยับขึ้น หลังพบข้อมูลสต๊อกเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดหมายไว้ ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน แต่ด้วยที่นักลงทุนทิ้งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมาถือครองหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมก็ดันดาวโจนส์ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล ขณะที่ทองคำ ฟื้นตัวพอประมาณ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ ปิดที่ 94.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 9 เซ็นต์ ปิดที่ 105.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันนิวยอร์กวานนี้ (6) มีขึ้นหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ บอกว่าสต๊อกน้ำมันดิบของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล นอกกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ที่ 1.9 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ด้วยที่มันเป็นการปรับขึ้น 7 สัปดาห์ติด ก็บ่งชี้ว่าอุปสงค์ในชาติผู้บริโภครายใหญ่แห่งนี้ยังอ่อนแอ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (6) ปิดผสมผสาน โดยดาวโจนส์ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ ด้วยที่นักลงทุนทิ้งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมาถือครองหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ตามรายงานผลประกอบการอันน่าผิดหวังของเทสลา ที่สั่นสะเทือนแนสแดกจนปรับลด
ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 127.19 จุด (0.81 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,745.41 จุด ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลคราวก่อนเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม เอสแอนด์พีเพิ่มขึ้น 7.45 จุด (0.42 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,770.42 จุด แนสแดคลดลง 7.92 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,931.95 จุด
หุ้นของเทสลา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ดิ่งลงกว่าร้อยละ 14 หลังจากบริษัทมีกำไรและรายได้ไม่ตรงตามที่คาดหมายไว้ “เงินถูกถอนออกจากแนสแดกและมันไปวนเวียนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม” ไมเคิล เจมส์ กรรมการผู้จัดการด้านซื้อขายหลักทรัพย์ของเวดบุช ซิเคียวริตีกล่าว
ส่วนราคาทองคำวานนี้ (6) กลับมาปิดบวกพอสมควร ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์หนึ่งวันก่อนหน้านี้ สืบเนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงได้กระตุ้นอุปสงค์โลหะมีค่าชนิดนี้ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 9.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,317.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์