เอเอฟพี - ราคาน้ำมันในวันพุธ (23) ดิ่งแรง จากข้อมูลคลังเชื้อเพลิงสำรองสหรัฐฯ ล่าสุดที่บ่งชี้ถึงอุปสงค์อันอ่อนแอภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่ 2 สัปดาห์ติด ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบตามรายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์
สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (23) เผยให้เห็นถึงคลังน้ำดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ตุลาคม เพิ่มขึ้น 5.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ที่ 1.7 ล้านบาร์เรล ถึง 3 เท่า
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์ที่อ่อนแออย่างมากในสหรัฐฯ เกือบตลอดเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ช่วงอเมริกาต้องประสบกับภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล หลังจากข้อมูลเชื้อเพลิงสำรองสัปดาห์ก่อนหน้านั้น (สิ้นสุดวันที่ 11 ตุลาคม) ที่เผยแพร่ล่าช้าจากปัญหาชัตดาวน์ในวันจันทร์ (28) ก็พบสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (23) ปิดลบเล็กน้อย จากปัจจัยผสมผสานระหว่างการขายทำกำไรของนักลงทุนกับรายงานผลประกอบการอันน่าผิดหวังของบริษัทยักษ์ใหญ่
ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 54.33 จุด(0.35 เปอร์เซนต์) ปิดที่ 15,413.33 จุด เอสแอนด์พี 500 ลดลง 8.31 จุด (0.47 เปอร์เซนต์) ปิดที่ 1,746.36 จุด แนสแดคลดลง 22.49 จุด(0.57 เปอร์เซนต์) ปิดที่ 3,907.07 จุด
ความเคลื่อนไหวในแดนลบในวันพุธ (23) เป็นผลมาจากการขายทำกำไรของนักลงทุน หลังวอลล์สตรีทขยับขึ้นต่อเนื่องในหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งโดยรวมแล้วดันเอสแอนด์พี 500 ขึ้นไปกว่าร้อยละ 6
อย่างไรก็ตาม อลัน คาราอินกา หัวหน้าสำนักงานด้านการลงทุนของคอร์เนอร์สโตร์ เวลต์ช แมนเนจเมนต์ ให้ความเห็นว่าตลาดหุ้นปิดลบ เกิดจากรายงานผลประกอบการอันน่าผิดหวังของแคทเทอร์พิลลาร์และบอร์ดคอม ที่ซ้ำเติมความกังวลตามหลังเหตุปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนเมื่อเร็วๆ นี้
สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (23) เผยให้เห็นถึงคลังน้ำดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ตุลาคม เพิ่มขึ้น 5.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ที่ 1.7 ล้านบาร์เรล ถึง 3 เท่า
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์ที่อ่อนแออย่างมากในสหรัฐฯ เกือบตลอดเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ช่วงอเมริกาต้องประสบกับภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล หลังจากข้อมูลเชื้อเพลิงสำรองสัปดาห์ก่อนหน้านั้น (สิ้นสุดวันที่ 11 ตุลาคม) ที่เผยแพร่ล่าช้าจากปัญหาชัตดาวน์ในวันจันทร์ (28) ก็พบสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (23) ปิดลบเล็กน้อย จากปัจจัยผสมผสานระหว่างการขายทำกำไรของนักลงทุนกับรายงานผลประกอบการอันน่าผิดหวังของบริษัทยักษ์ใหญ่
ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 54.33 จุด(0.35 เปอร์เซนต์) ปิดที่ 15,413.33 จุด เอสแอนด์พี 500 ลดลง 8.31 จุด (0.47 เปอร์เซนต์) ปิดที่ 1,746.36 จุด แนสแดคลดลง 22.49 จุด(0.57 เปอร์เซนต์) ปิดที่ 3,907.07 จุด
ความเคลื่อนไหวในแดนลบในวันพุธ (23) เป็นผลมาจากการขายทำกำไรของนักลงทุน หลังวอลล์สตรีทขยับขึ้นต่อเนื่องในหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งโดยรวมแล้วดันเอสแอนด์พี 500 ขึ้นไปกว่าร้อยละ 6
อย่างไรก็ตาม อลัน คาราอินกา หัวหน้าสำนักงานด้านการลงทุนของคอร์เนอร์สโตร์ เวลต์ช แมนเนจเมนต์ ให้ความเห็นว่าตลาดหุ้นปิดลบ เกิดจากรายงานผลประกอบการอันน่าผิดหวังของแคทเทอร์พิลลาร์และบอร์ดคอม ที่ซ้ำเติมความกังวลตามหลังเหตุปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนเมื่อเร็วๆ นี้